(๑)
๏
เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า
จรูญจรัดรัศมีพราว
ยามดึกนึกหนาวหนาว
เย็นฉ่ำน้ำค้างย้อย |
ดาดาว
พร่างพร้อย
เขนยแนบ
แอบเอย
เยือกฟ้าพาหนาวฯ |
(๒)
๏
มหานากฉวากวุ้ง
ชุ่มชื่นรื่นรุกขีสอง
คุกคิดมิศหมายครอง
กล้าตกรกเรื้อซ้ำ |
คุ้งคลอง
ฝั่งน้ำ
สัจสวาดิ
ขาดเอย
โศกทั้งหมางสมรฯ |
(๓)
๏
ขอฝากซากสวาดิสร้อย
ไว้ที่ท่าสาคร
ศาลาน่าวัดภร
ใครที่พี่เป็นผี้ |
สุรธร
เขตนี้
พี่ฝาก
มากเอย
พี่ให้อไภยเจริญฯ |
(๔)
๏
จำร้างห่างน้องนึก
สองฝ่ายชายหญิงยวน
หวังชายฝ่ายหญิงชวน
กลเช่นเล่นซักเสร้า |
น่าสวน
ยั่วเย้า
ชื่นเช่น เหนเอย
เสพเผื้อนเฟือนเกษม
ฯ |
(๕)
๏
เลี้ยวลัดวัดษเกษก้ม
กุฏศพนบมานดา
เดชะพระกุศลภา
เสวยศุกทุกค่ำเช้า |
คมลา
เกิดเกล้า
พ้นโลก
โอกฆเอย
ช่องชั้นสวรรยางคฯ |
(๖)
๏
เชิงเลนเปนตลาดสล้าง
โอ่งอ่างบ้างอิดเกลือ
หลีกล่องช่องเล็กเหลือ
ออกแม่น้ำย่ำถุ้ม |
หลักเรือ
เกลื่อนกลุ้ม
ลำบาก
ยากแฮ
ถี่ฆ้องสองยามฯ |
(๗)
๏
แซ่เสียงเวียงราชก้อง
หง่งหงั่งระฆังขาน
สังแตรแซ่เสียงประสาร
ยามดึกครึกครื้นก้อง |
กังสดาน
แข่งฆ้อง
สังขีด
ดีดเอย
ปี่แก้วแจ้วเสียงฯ |
(๘)
๏
วัดเลียบเงียบสงัดหน้า
ขุกคิดเคยพญายาม
รวยรินกลิ่นสไบทราม
สูรกลิ่นสริ้นกลอนพร้อง |
อาราม
แย่งน้อง
สวาดร่วง
ทรวงเอย
เพราะเจ้าเบาใจฯ |
(๙)
๏
เจริญบุญสุรธรไว้
สืบสวัสสัฐาภร
เชิญทราบกาพกลกลอน
จำขาดชาตินี้แล้ว |
ให้สมร
ผ่องแผ้ว
กล่าวกลิ่น
ถวินเอย
คลาดน้องของสงวนฯ |
(๑๐)
๏
วัดแจ้งแต่งตึกตั้ง
เคยปกนกน้อยคอน
เคยลอบตอบสารสมร
จำจากพรากนุชน้อง |
เตียงนอน
คู่พร้อง
สมานสมัคร
รักเอย
นกน้อยลอยลมฯ |
(๑๑)
๏
สาวแก่แม่ม่ายแม้น
ขอเดชะพระวรุณ
ยามดึกนึกส่งบุญ
วัดช่วยอวยสวัสดิขู้ |
มีคุณ
ราชรู้
แบ่งฝาก
มากเอย
คิดพร้องสนองเพลงฯ |
(๑๒)
๏
ยนฉนวนหวนนึกน้ำ
พระธินั่งบันลังทอง
ชำระพระนิพนสนอง
สริ้นแผ่นดินปกเกล้า |
เนตรนอง
ที่เฝ้า
เสด็จสนิด
ชิดเอย
กลับร้างห่างฉนวนฯ |
(๑๓)
๏
แบ่งบุญสุรธรเชื้อ
สืบซ่างทางพุทพง
ถวายพระหริรักทรง
ลุโลกโมฆเมืองแก้ว |
ชิณวง
ผ่องแผ้ว
สารภิเศศ
เสวตรเอย
กิจร้ายหายสูรฯ |
(๑๔)
๏
อีกองมงกุฎิเกล้า
สืบกษัตรขัติยบำรุง
ถวายพระอนิสงพดุง
สิ่งโศกโรคเรื่องแค้น |
เขากรุง
รอบแคว้น
พเดชเฟื่อง
กเดื่องเอย
ขจัดผ้ายวายเขนฯ |
(๑๕)
๏
ท่าช้างหว่างค่ายล้อม
ครั้งพระโกฎโปรฐประทาน
เคยอยู่คู่สำราน
เหนแต่ที่หมีได้ |
แหล่งสถาน
ที่ให้
ร่วมเย่า
เจ้าเอย
ภบน้องครองสงวนฯ |
(๑๖)
๏
วังหลังครั้งหนุ่มเหน้า
เคยอยู่ชูชื่นเชย
ยามนี้ที่เคยเลย
ต่างชื่นอื่นแอบเคล้า |
เจ้าเอย
ค่ำเช้า
ลืมภัก
พี่แฮ
คลาศแคล้วแล้วหนอฯ |
(๑๗)
๏
คิดคำลำฦกไว้
เคยรักเคยร่วมเรือน
อย่าเคืองเรื่องเราเยือน
ใครที่มีชู้ชู้ |
ใคร่เตือน
ร่วมรู้
ยามแก่
แม่เอย
ช่วยช้ำคำโคลงฯ |
(๑๘)
๏
เลี้ยวทางบางกอกน้อย
บ้านเก่าเย่าเรือนแพ
เงียบเหงาเปล่าอกแด
ลำฦกนึกรักร้อง |
ลอยแล
พวกพ้อง
ดูแปลก
แรกเอย
เรียกน้องในใจฯ |
(นาคบริพันธ์)
(๑๙)
๏
สาวเอยเคยอ่อนหนุ้ม
ออมสนิทชิดกลิ่นหอม
ไกลห่างว่างอกตรอม
เลยอื่นขึ้นครองไว้ |
อุ้มสนอม
กล่อมให้
ออมตรึก
รฦกเอย
ใคร่หว้าหน้าสวนฯ |
(๒๐)
๏
ยนย่านบ้านบุตั้ง
ขุกคิดเคยชมจรร
ยามยากหากปันกัน
มีคู่ชูชื่นหน้า |
ตีขัน
แจ่มฟ้า
กินซีก
ฉลีกแฮ
นุชปลื้มลืมเดิมฯ |
(๒๑)
๏
เสียดายสายสวาดโอ้
รักพี่มีโทษกร
จำจากพรากพลัดสมร
เสียนุชดุจทรวงต้อง |
อาวร
กับน้อง
เสมอชีพ
เรียมเอย
แตกฟ้าผ่าสลายฯ |
(นาคบริพันธ์)
(๒๒)
๏
เคราะกำจำห่างน้อง
หวนนึกดึกเคยวอน
คิดไว้ไม่ห่างจร
หากจิตรมิศหลายหน้า |
ห้องนอน
ค่อนหว้า
ห่อนจาก
ล่าน้องหมองหมางฯ |
(๒๓)
๏
เดือนตกนกร้องเร่ง
เยี่ยมยอดยุคุนททรง
เดือนดับลับโลกคง
จันพี่นี้ลับหน้า |
สุริยง
ส่องฟ้า
คืนขึ้น
อีกเอย
นับสริ้นดินสวรรฯ |
(๒๔)
๏
วัดปขาวคราวรุ่นรู้
ทำสุรทสอนเสมียน
เดินรวางรวังเวียน
เคยชื่นกลืนกลิ่นสร้อย |
เรียนเขียน
สมุทน้อย
หว่างวัด
ปขาวเอย
สวาดิห้างกลางสวนฯ |
(๒๕)
๏
เห็นเรือนเพื่อนรักร้าง
โอ้อกอาดูรโดย
ดูสวรป่วนจิตรโหย
แลลับกลับชาติม้วย |
แรมโรย
ทเวดด้วย
หาดอก
สร้อยเอย
ไม่ได้ใกล้กลายฯ |
(๒๖)
๏
บางบำรุบำรุงแก้ว
แก้วเนตรเชษฐาชรา
ถือบวดตรวจน้ำภา
ชาตินี้พี่แคล้ว |
กานดา
ร่างแล้ว
ภพชาติ
อื่นเอย
คลาศค้างห่างสมรฯ |
(๒๗)
๏
บางรมาดมิ่งมิดครั้ง
บอกบทบุญยังพยาน
ประทุนประดิศถาน
แหวนประดับกับผ้า |
คราวงาน
พยักหน้า
แทนฮ่อง
หอเอย
พี่อ้างรางวันฯ |
(๒๘)
๏
สงสารสายเนตรน้อง
ลเนตรพี่เพียงฝอยฝน
จวนรุ่งร่ำสอื้นจน
คราวเคราะเพราะน้องต้อง |
นองชล
เฟ่าน้อง
จำจาก
แจ่มเอย
พยุกล้าสลาตันฯ |
(๒๙)
๏
สวรหลวงแลสล่างล้วน
เคยเสด็จวังหลังมา
ข้าหลวงเล่นปิดตา
เห็นแต่พลับกับสร้อย |
พฤกษา
เมื่อน้อย
ต้องอยู่
โยงเอย
ซ่อนซุ้มคลุมโปงฯ |
(๓๐)
๏
วัดพิกุนกรุ่นกลิ่นเกลี้ยง
แรกรุ่นรวยมาไล
เรียนร้อยค่อยสอดไหม
ร้อยคล่องต้องนั่งเน้น |
กลอยใจ
ไส่เหล้น
เหมือนแน่
และเอย
นวดฟั้นท่านครูฯ |
(๓๑)
๏
บางขวางข้างเขตแคว้น
สองฟากหมากมพร้าวผล
หอมรื่นชื่นเช่นปน
เคลิ้มจิตคิดว่าใกล้ |
แขวงนน
พรรไม้
แป้งประ
ปรางเอย
กลิ่นเนื้อเจือจรรฯ |
(๓๒)
๏
เชิงสวรล้วนรักน้ำ
ลูกดกรกเรื้อไบ
รักร้ายฝ่ายตนไกล
เดจลูกถูกยางนิ้ว |
คล้ำไคล
บิดพลิ้ว
กลัวรัก
นักเอย
หนิดเนื้อเหลือดันฯ |
(๓๓)
๏
บางกรวยตรวดน้ำแบ่ง
ส่งนิ่มนุชนิพพาน
จำจากพรากพลัดสถาน
เห็นแต่คลองน้องแคล้ว |
บุญทาน
ผ่องแผ้ว
ทิ้งพี่
หนีเอย
คลาศเลื่อนเดือนปีฯ |
(๓๔)
๏
บางศรีทองคลองบ้านเก่า
สีเพชผัวสีทอง
เลื่องฦาชื่อเสียงสนอง
คลองคดลดเลี้ยวชี้ |
เจ้าคลอง
ถิ่นนี้
สำเหนียก
นามเอย
เช่นไสร้ไสทองฯ |
(๓๕)
๏
ล่วงทางบางบ้านเรียด
สองฝั่งพรั่งพฤกษา
ไม้ปลูกลูกดอกดา
ทรงกลิ่นรินรื่นข้าง |
ริมชลา
สลับสล้าง
ดกดาษ
กลาดเอย
ขอบคุ้งฟุ้งขจรฯ |
(๓๖)
๏
รอกแตแลลอดเลี้ยว
นกหกจกจิกโจน
ยางเจ่าเหล่ายางโทน
โฉบฉาบคาบปลาได้ |
โลดโผน
จับไม้
ท่องเที่ยว
เหยี่ยวเอย
ด่วนขึ้นกลืนกินฯ |
(๓๗)
๏
บางกร่างข้างคุ้งค่าม
บางขนุนขุนกอง
ของสวนส่วนเจ้าของ
สาวแก่แม่ม่ายบ้าง |
เขตคลอง
ก่อสร้าง
ขายน่า
ท่าเอย
บกน้ำลำเรือฯ |
(๓๘)
๏
โรงหิบหนิบอ้อยออด
สองข้างรางรองเรียง
อ้อยไส่ไล่ควายเคียง
อกพี่นี้ชอกช้ำ |
แอดเสียง
รับน้ำ
คู่วิ่ง
เวียรเอย
เช่นอ้อยย่อยรยำฯ |
(๓๙)
๏
หีบหันนั้นและเหล้
ขู่ข่มเหงหักหาร
เข้าพวกคิดอ่านพาล
กลหีบหนิบนิดเน้น |
กระลาการ
ห่อนเว้น
เอาผิด
พ่อเอย
นึกช้ำน้ำใจฯ |
(๔๐)
๏
บางคูเวียงเสียงสงัดล้วน
เวียงชื่อศรีท้าวไท
เวียงราชคลาดแคล้วไกล
ยามยากจากเมืองทั้ง |
สวนไสว
ท่านตั้ง
กลับรฦก
นึกเอย
ถิ่นปลื้มลืมกเษมฯ |
(๔๑)
๏
บางม่วงทรวงเศร้าคิด
ม่วงเกบมม่วงสวน
ม่วงอื่นรื่นรันจวน
ม่วงหม่อมหอมห่วนหน้า |
เคยชวน
ศุกรย้า
จิตไม่
ใคร่แฮ
เสน่เนื้อเจือจรรฯ |
(๔๒)
๏
จันต้นผลห่ามให้
แมลงภู่วู่เวียนตอม
เพียงพี่ที่สุดถนอม
พร้องชื่อรื้อเสียวเศร้า |
หวนหอม
ไต่เคล้า
เสน่ห์แจ่ม
จรรเอย
โศกร้างห่างจรรฯ |
(๔๓)
๏
ล่วงทางบางใหญ่บ้าน
เลี้ยวล่องคลองเล็กลอย
สองฝั่งพรั่งพฤกษพลอย
แลเหล่าชาวสวนหน้า |
ด่านคอย
เลื่อนช้า
เพลินชื่น
ชมเอย
เสน่ห์น้องคลองสนอมฯ |
(๔๔)
๏
คลองคดลดเลี้ยวล้วน
เกะกะรเรือรอ
คดคลองช่องแคบพอ
คนคดลดเลี้ยวล้ำ |
หลักตอ
ร่องน้ำ
พายถ่อ
พ่อเอย
กว่าน้ำลำคลองฯ |
(๔๕)
๏
ล่วงย่านบ้านวัดร้าง
ตกทุ่งถึงคลองโยง
วัดใหม่ธงทองโถง
ควายลากฝากเชือกไขว้ |
เรือนโรง
หย่อมไม้
ที่ติด
ตื้นแฮ
เคลื่อนคล้อยลอยเลนฯ |
(๔๖)
๏
คนขี่ตีต้อนเร่ง
ถอนถีบกีบกอมตกาย
เหนื่อยนักชักเชือกหงาย
คนหวดปวดป่วนโอ้ |
รันควาย
โก่งโก้
แหงนเบิ่ง
เบือนแฮ
สอึกเต้นเผ่นโผนฯ |
(๔๗)
๏
ทุกข์ใดในโลกล้น
ไม่เท่าควายลากเรือ
หอบฮักจักขุเจือ
มนุษย์ดุจติดค้าง |
ล้ำเหลือ
รับจ้าง
เจิ่งชุ่ม
ชลเอย
เฆี่ยนเร้าเอาเงินฯ |
(๔๘)
๏
สังเวชเหตุด้วยทรัพย์
พาสัตว์วัตนสงสาร
ตรวดน้ำร่ำศีลทาน
จงสุขทุกค่ำเช้า |
ศฤงคาร
โศกเศร้า
ทั่วสัตว์
สวัสดิ์เอย
ชาติพ้นชนมานฯ |
(๔๙)
๏
ข้างคลองสองฝั่งเฟื้อย
คาแฝกแซกเซียดแซม
ในพุ่มกุ่มกกแกม
นกหกวกเวียนหว้อน |
เฟือยแขม
ซับซ้อน
กอย่า
รย้าแฮ
วิ่งเต้นเผ่นโผนฯ |
(๕๐)
๏
นกกกรุมกลุ้มเกลื่อนท้อง
คุ่มคุ่มสุ่มสับปลา
ขยอกขยอกกลอกเหนียงพา
ศีรษะกระกรุมโล้ง |
ทุ่งนา
ปากโง้ง
เพื่อนเที่ยว เกรียวแฮ
เล่ล้านบ้านเราฯ |
(๕๑)
๏
นกกทุงฝูงใหญ่กลุ้ม
ลอยเลื่อนเคลื่อนคลอประคอง
คิดเช่นเล่นลำคลอง
สอนว่ายฝ่ายพี่เฝ้า |
กลางหนอง
คู่เคล้า
คลอนุช
น้อยเอย
ฝึกน้องคล่องใจฯ |
(๕๒)
๏
กาน้ำดำแหวกหว้าย
คาบขยอกขแยงกิน
เด็กโห่โผล่พลุนบิน
ยางกรอกดอกบัวแซ่ |
วาริน
เก่งแท้
บ่เปียก
ปีกแฮ
สนั่นร้องซ้องเสียงฯ |
(๕๓)
๏
กาเหยี่ยวเที่ยวว้าว่อน
ร่อนร่ายหมายมัจฉา
ขุนนางอย่างเฉี่ยวกา
โจมจับปรับไหมใช้ |
เวหา
โฉบได้
กินสัตว์
สูเอย
เช่นข้าด่าตีฯ |
(๕๔)
๏
ยางเจ่าเซาจับจ้อง
กินเล่นเป็นภักษา
กระลาการท่านศรัทธา
บนทรัพกลับกลืนกล้ำ |
จิกปลา
สุขล้ำ
ถือสัตย์
สวัสดิ์แฮ
กล่าวคล้ายฝ่ายยางฯ |
(๕๕)
๏
ออกแควแม่น้ำปาก
แตนด่านบ้านเรือนโรง
ชื่อลานตากฟ้าโถง
เย็นย่ำน้ำค้างฟุ้ง |
คลองโยง
เรียดคุ้ง
ทุ่งรอบ
ขอบแฮ
ฟากฟ้าสากลฯ |
(๕๖)
๏
ชาวบ้านร้านเรือกตั้ง
แต่ปากว่าตากฟ้า
กว้างขวางทร่างวัดวา
ริมฝั่งพรั่งผักบุ้ง |
ตากปลา
เฟื่องฟุ้ง
ไว้ช่อง
คลองแฮ
ยอดแย้มแซมไสวฯ |
(๕๗)
๏
รอนรอนอ่อนอกโอ้
เลี้ยวเหลี่ยมพระสุเมรุลง
มืดคลุ้มพุ่มไผ่พง
เสียงพึ่งหึ่งหึ่งหน้า |
อัสดง
ลับฟ้า
พี่เปลี่ยว
เดียวเอย
นึกคร้ามหวามถวิลฯ |
(๕๘)
๏
ทางเปลี่ยวเลี้ยวล่องคุ้ง
ย่อมย่านบ้านกระจันจรร
เงียบเหงาเปล่าทรวงกระสัน
จรรอื่นชื่นแต่หน้า |
เขตคัน
กจ่างฟ้า
โศกสอื้น
อกเอย
ใช่เนื้อเจือจรรฯ |
(๕๙)
๏
ลำภูดูหิ่งห้อย
เหมือนเม็ดเพชรรัตน์ราย
วับวับจับเนตรสาย
วับเช่นเห็นหิ่งห้อย |
พรอยพราย
รอบก้อย
สวาดิสบ
เนตรเอย
หับหม้านนานเห็นฯ |
(๖๐)
๏
ถึงย่านบ้านฝั่งข้าม
หมอเท่าเจ้าเล่ลวง
ใช้เล่นเช่นกับดวง
บ่วงรักดักพี่ต้อง |
โขลงหลวง
ล่อคล้อง
เนตรนุช
พี่เอย
ติดให้ใช้แรงฯ |
(๖๑)
๏
ล่องทางบางบ้านส
แปรชื่อครือจรรจร
เรือนตั้งฝั่งสาคร
บ้านไร่ใครหนอแกล้ง |
ศรีธร
แจ่มแจ้ง
คนเงียบ
เลียบแฮ
กล่าวอ้างอย่างจรรฯ |
(๖๒)
๏
ยามดึกครึกครื้นลั่น
ถึงย่านบ้านขโมยมล
จรเข้เร่คำรน
มุ่งเขม่นเห็นขุ้มขุ้ม |
ลมฝน
มืดคลุ้ม
ร้องฮุ่ม
ฮูมแฮ
แข่งขู้ฟูลอยฯ |
(๖๓)
๏
ราตรีหนีตเข้เค่า
เด็กหนุ่มสุ่มเรือโดย
ฝนปรำพร่ำเปรียะโปรย
ต่างง่าพร้าขวานมุ้ย |
บ้านขโมย
ด่วนพุ้ย
ปรายสัต
สนัดแฮ
มุ่งทุ่มกุมภาฯ |
(๖๔)
๏
น่ากลัวตัวตเค่ขู้
ฮืดฮาดฟาดฟูฟอง
เคียงคู่สู่สมสอง
ยาวใหญ่ไล่โลดเลื้อย |
ฟูขนอง
ฟ่องเฟื้อย
สังวาด
สวาดแฮ
เล่นน้ำปล้ำขนองฯ |
(๖๕)
๏
เด็กน้อยคอยขเหม้นมุ่ง
ว่าตเข้ขบกัน
บูรานท่านว่าสัน-
ปีหนึ่งจึ่งงอกต้อง |
มองมัน
ปกับท้อง
ดานสัตว์
กำหนัดแฮ
ติดค้างนางเมียฯ |
(๖๖)
๏
หนีศึกว่าปะซุ้ม
ได้กับเราแล้วเหลือ
หลบตเข้เค่าจอดเรือ
บกก็เสือเรือซ้ำ |
เซิงเสือ
หลากล้ำ
ริมเขต
ขโมยแฮ
สัตเข้เฉโกฯ |
(๖๗)
๏
รุ่งเช้าเบาอกสริ้น
ลาย่านบ้านขโมยหมาย
น้ำขึ้นรื่นลมชาย
ทางเปลี่ยวเสียวทรวงซ้ำ |
โศรกสบาย
มุ่งข้าม
เฉื่อยส่ง
ตรงเอย
สัตว์น้ำคล่ำขนองฯ |
(๖๘)
๏
บางปลาตาบ้านอยู่
สองฮ่องสองเรือนราย
ชาวป่าน่านอนสบาย
มีคู่อูเข้าด้วย |
หญิงชาย
ร่ายกล้วย
บ่ครั่น
ตวันเอย
ดั่งนี้ที่สบายฯ |
(๖๙)
๏
ซ้ายขวาป่าไผ่ซุ้ม
สองฝั่งรังรำราม
แพงพวยผักบุ้งงาม
บนบกนกกับเนื้อ |
เซิงหนาม
รกเรื้อ
งอนทอด
ยอดเอย
หว่างไม้ไผ่สลอนฯ |
(๗๐)
๏
บางปสีที่ถ่านตั้ง
เผาไผ่ไม้ซากราย
หนุ่มสาวเหล่าหญิงชาย
ดำทมื่นทื่นหน้า |
ตวงซาย
เรียดถ้า
เช่นพูด
อูดเอย
แนบน้องลองโลมฯ |
(๗๑)
๏
นาวาคลาเคลื่อนคล้อย
ล่วงย่านบ้านบางรกำ
สาวหนุ่มสุ่มส้อนทำ
ปลาติดปลิดปลดได้ |
ลอยลำ
รกไม้
แทงพวก
ฉมวกแฮ
ดุกต้องช่อนชโดฯ |
(๗๒)
๏
บางยุงคุ้งลาดล้วน
ลงปลักทลักทลาย
ดำผุดฟูดฟาดหงาย
ลูกเล็กเด็กเลี้ยงปล้ำ |
เหล่าควาย
เล่นน้ำ
แหงนเบิ่ง
เทิ่งแฮ
ปล่อยห้อยอควายฯ |
(๗๓)
๏
เขาควายรายร่องนิ้ว
ว่าพญาพาลีทยาน
ศีรษะกระบือกระบาน
นึกเช่นเป็นรอยนิ้ว |
นิทาน
นานเอย
ยุดพลิ้ว
บั่งบั่ง
ยังแฮ
เหนี่ยวเน้นเห็นรอยฯ |
(๗๔)
๏
บ้านไซไซใหญ่ย้อย
คิดเช่นเล่นต้นไซ
ผูกกิ่งชิงช้าไกว
เคยขี่พี่กับน้อง |
สร้อยไสว
แซ่ซ้อง
แกว่งชัก
เชือดเอย
แนบเนื้อเจือใจฯ |
(๗๕)
๏
เลยทางบางบ้านแห่ง
เดิมว่าเตาเผาปูน
อาภัพลับชื่อสูร
อกพี่นี้และได้ |
หินมูล
ป่นไว้
เสียเปล่า
เราเอย
ดุจอ้างอย่างปูนฯ |
(๗๖)
๏
ถึงคลองร้องเรียกบ้าน
ลำฦกนึกถึงดวง
เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวทรวง
อุ้มรักหนักอกถ้า |
บางหลวง
ดอกฟ้า
แสนเทวษ
ทุเรศเอย
เทียบเถ้าเขาหลวงฯ |
(๗๗)
๏
บางน้อยพลอยนึกน้อย
น้อยแนบแอบอกเคย
เนื้อน้อยค่อยสนอมเชย
น้อยแต่ชื่อหฤาเจ้า |
น้องเอย
คู่เคล้า
เชือนชื่น
อื่นแม่
จิตรน้อยลอยลมฯ |
(๗๘)
๏
บางหวายท้ายคุ้งช่อง
แดนนครไชยศรี
เข้าแดนสุพรรณบุรี
ทุ่งท่าป่ายุงริ้น |
คลองมี
สุดสริ้น
รื้อเปลี่ยว
เดียวเอย
รกเรื้อเบื่อชมฯ |
(๗๙)
๏
ชุมนักผักตบซ้อน
บอนสุพรรณหั่นแกง
บอนบางกอกดอกแสลง
บอนปากยากจะแก้ |
บอนแซง
อร่อยแท้
เหลือแหล่
แม่เอย
ไม่สริ้นลิ้นบอนฯ |
(๘๐)
๏
บางสามศาลเจ้าทร่าง
อารักศักดิ์สิทธิ์วัง
สุขีที่ข้าหวัง
กำจัดศัตรูแม้น |
ปางหลัง
แว่นแคว้น
วานช่วย
ด้วยแฮ
มุ่งร้ายตายเองฯ |
(๘๑)
๏
ถึงบ้านด่านดักตั้ง
สองพี่น้องคลองแคว
ตลิ่งตลิบโตล่งแล
สริ้นไผ่ในแขวงถุ้ง |
ฝั่งกระแส
ค่ามคุ้ง
ตานสลับ
สล้างเอย
ถิ่นอ้อกอแขมฯ |
(๘๒)
๏
ปลาชุมกลุ้มเกลื่อนท้อง
ลอยเล่นเห็นคนถลา
สลิดสลาดสลับปลา
กระดี่กระดิกกระเดือกดิ้น |
ธารา
หลบสริ้น
ช่อนดุก
พลุกแฮ
กระโดดเหล้นเห็นตัวฯ |
(๘๓)
๏
นานาปลาว่ายเคล้า
สีเสียดซิวกระโสงเสือ
เพลี้ยตภากตะเพียนเหลือ
กริมกระตรับนับร้อย |
คลอเรือ
ซ่าสร้อย
หลายหลาก
มากเอย
เร่หว้ายรายเรียงฯ |
(๘๔)
๏
แก้มช้ำดำที่แก้ม
ดูเคลื่อนเหมือนจนำ
แรกรักปรักปรางประจำ
ช้ำเช่นปลาอย่าต้อง |
แต้มดำ
แนะน้อง
จุมพิต
นิดเอย
แต่งแต้มแก้มสมรฯ |
(๘๕)
๏
เนื้ออ่อนห่อนซู่เนื้อ
อ่อนแอบแนบอกอิง
นวลจันนั่นนวลจริง
นวลที่พี่กลืนกล้ำ |
น้องหญิง
อุ่นล้ำ
แต่ชื่อ
ฦาเอย
กลิ่นเนื้อเหลือนวลฯ |
(๘๖)
๏
ปลาใหญ่ไล่เลี้ยวฮุบ
ฮืดฮาดฟาดโผงผาง
ปลาค้าวเหล่าสวายคาง
กโฮ่โผล่ผุดขล้ำ |
หวดหาง
พ่นน้ำ
เบือนบิด
เบี้ยวแฮ
เคลื่อนคล้อยลอยแลฯ |
(๘๗)
๏
บางซอกอไผ่ล้อม
บ้านบ่มีสีซอ
เรือใกล้ไผ่พุ่มภอ
ไผ่เบียดเอียดออดอ้อย |
หลายกอ
สักน้อย
พยุโยก
โชกแฮ
เอื่อยอ้อซออินทร์ฯ |
(๘๘)
๏
ทุ่งกว้างทางเปลี่ยวโอ้
สองฝั่งฝ่ายวิหกา
เร่ร่อนว่อนเวหา
นกเถื่อนเหมือนจะร้อง |
อาทวา
กู่ก้อง
หาเหยื่อ
เรียกให้คนชมฯ |
(๘๙)
๏
ถึงที่สีสนุกนั้น
สนุกแต่ชาวบ้านเคย
พวกพี่ที่จากเชย
สนุกที่ดูสูเจ้า |
น้องเอย
ค่ำเช้า
ชวดสนุก
ทุกข์แม่
สนุกเถ้านั้นเองฯ |
(๙๐)
๏
ชุมแท้แต่สวะเฟื้อย
ลอยเลื่อนเกลื่อนกลาดกลาง
ซ้อนซับทับถมทาง
เรือขัดตัดฟันค้ำ |
เฟือยตวาง
กลบน้ำ
ที่แคบ
ค่อยกว้างทางจรฯ |
(๙๑)
๏
แหลมคุ้งทุ่งเถื่อนไม้
ถึงย่านบ้านตเภาทลาย
เดิมที่นี่เป็นชาย
เรือสัดพลัดมาต้อง |
ไรราย
ทลุท้อง
ทเลหาด
ลาดแฮ
ติดเข้าตเภาทลายฯ |
(๙๒)
๏
แลลิ่วทิวทุ่งต้น
ลิบลิบลมปลิวปลาย
เล่คนคัดปีกฉาย
เรี่ยเรี่ยเตี้ยต่ำแจ |
ตานราย
ไปล่แปล้
เฉิบเช่น
เห็นแฮ
พิศให้ใจเพลินฯ |
(๙๓)
๏
บางปลาร้าปลาคล่ำน้ำ
คนเหล่าเชาปมงมอง
สุ่มซ่อนช้อนฉะนางปอง
เหม็นเน่าคาวปลาร้า |
ลำคลอง
มุ่งข้า
ปิดเรือก
เฝือกแฮ
เรียดคุ้งคลุ้งโขลงฯ |
(๙๔)
๏
ริมน้ำทำทีขึ้น
เกล็ดติดตัวตีนตา
คิดคู่สู่เสน่หา
โคลนเช่นเป็นแป้งแต้ม |
ขอดปลา
ตมูกแก้ม
หอมชื่น
รรื่นเอย
ติดเนื้อเหลือหอมฯ |
(๙๕)
๏
บางสแกแลสล่างงิ้ว
เรียงฝั่งดังฉัตรฉาย
งิ้วไม้ใช่งิ้วสาย
งิ้วพี่ที่แน่งน้อย |
ทิวราย
แช่มช้อย
สวาดิเช่น
เห็นเอย
นึกหน้าอาไลยฯ |
(๙๖)
๏
ยามยลต้นงิ้วป่า
นึกบาปวาบวับหวาม
คงจะปะงิ้วทราม
งิ้วกับพี่หมีแคล้ว |
หนาหนาม
วุ่นแล้ว
สวาดิเมื่อ
ม้วยแฮ
คึ่นงิ้วลิ่วสูงฯ |
(๙๗)
๏
ถึงบ้านคันชั่งแท้
เพียงพี่ที่ดำรง
เคยคู่ซู่ซื่อตรง
ยามยากจากพวกพ้อง |
เที่ยงตรง
รักน้อง
สัจคิด
สนิทเอย
พี่ให้ใจหายฯ |
(๙๘)
๏
เหลียวซ้ายฝ่ายฝั่งเฟื้อย
พงไผ่ไม้รำไร
แลขวาป่าแฝกไฟ
ลิบลิ่วทิวท้องถุ้ง |
เฟือยไสว
รอบคุ้ง
ฟอนเรียน
เกรียนแฮ
ถิ่นกว้างวางเวงฯ |
(๙๙)
๏
ถึงย่านบ้านกุ่มข้าม
วัดเก่าเศร้าโทรมแรม
ผู้ใดไม่ซ่อมแซม
เพียงพี่ที่อ้างว้าง |
ตามแหลม
รกร้าง
สร้างวัด
สวัสดิ์เอย
ทเวทให้ใจหายฯ |
(๑๐๐)
๏
ลมตกนกว้าว่อน
โฉบฉาบคาบปลากิน
ค้อนหอยค่อยคุ้ยดิน
ถิบถ่อกรอปีกจ้อง |
ร่อนบิน
กู่ก้อง
เดินซ่อง
มองแฮ
จ่อมน้ำปล้ำปลาฯ |
(๑๐๑)
๏
ถึงบางนางแม่หม้าย
เปลี่ยวเปล่าเศร้าหมองมัว
คราวใครใคร่ฝากตัว
พร้อมจิตคิดจะได้ |
ไร้ผัว
หม่นไหม้
ต่อม่าย
หมายเอย
ดับหม้ายกลายมีฯ |
(๑๐๒)
๏
ตวันออจรเข้ฟู่
ยาวใหญ่ไล่เรือเรียง
เด็กตวาดผาดแผดเสียง
มันบ่หยุดผุดหว้าย |
คู่เคียง
เราะท้าย
แซ่สุ่ม
ขยุมเอย
วู่คว้างขวางเรือฯ |
(๑๐๓)
๏
เดชะพระพุทธิเจ้า
เคยชนะพญามาร
รฦกถึงจึ่งบันดาน
จรเค่เหห่างแคล้ว |
เข้าฌาน
แม่นแล้ว
ดุจเช่น
เห็นแฮ
คลาดคล้อยถอยหนีฯ |
(๑๐๔)
๏
ถึงช่องคลองน้ำชื่อ
เข้าตอกออกดอกตำรา
คิดสบพบถ้ำมหา
นึกจะปลงคงได้ |
กฤษณา
ว่าไว้
สนุกแน่
แม่เอย
กระดากเจ้าเฝ้าหวงฯ |
(๑๐๕)
๏
บางเลนเป็นที่หลุ้ม
แปลงปลักคลักคงคา
ไทเจ๊กเดอใหญ่พา
บุญส่งจงหลีกพ้น |
แหล่งปลา
ขุ่นข้น
พวกซ่อน
ช้อนเอย
ทุกถั้วตัวปลาฯ |
(๑๐๖)
๏
บางบัวบ้านชื่อพร้อง
นึกเช่นเห็นบัวคำ
เค่าเหนียวเกี่ยวมาทำ
คราวเคราะห์เพราะเกี่ยวข้อง |
สนองนำ
คู่พร้อง
แทนเค่า
เจ้าเอย
ขัดค้างขวางเชิงฯ |
(๑๐๗)
๏
ลมเรื่อยเฉื่อยชื่นใช้
ถึงย่านบ้านดารา
สองเรือนเพื่อนพูดจา
คิดใคร่ได้ชิดเชื้อ |
ใบดลา
รกเรื้อ
เจ่านั่ง
รวังเอย
ช่วยเฝ้าเหย้าเรือนฯ |
(๑๐๘)
๏
ใบร่มลมเรื่อยแหล้น
เหล่าหนุ่มชุ่มชื่นพา
อิเหนาเค่ามลกา
ฟังเสนาะเพราะพร้อง |
ลีลา
เพื่อนร้อง
กลเม็ด
มากแฮ
พรักพร้อมซ้อมเสียงฯ |
(๑๐๙)
๏
ถึงชีปขาวย่านบ้าน
ชีไม่เห็นกาดำ
เชาบ้านย่านนั้นทำ
ซางแต่คำพร่ำพร้อง |
โบรำ
ตื่นร้อง
แทงพวก
ฉมวกแฮ
ชื่อนี้ชีปขาวฯ |
(๑๑๐)
๏
ขาวอื่นหมื่นสิ่งล้วน
แพรพ่าฟ้าดินดาว
ขาวดูครู่เดียวคราว
ขาวบ่เบื่อเนื้อน้อง |
นวลขาว
ดุจพร้อง
หนึ่งเบื่อ
เหลือแฮ
น่วมนิ้วผิวขาวฯ |
(๑๑๑)
๏
คุ้งขวางบางบ้านชื่อ
ทางทิศทุกตำบล
อยู่กลางหว่างมณฑล
คนเปลี่ยนเพี้ยนชื่อแย้ง |
ชี้หล
บอกแจ้ง
ทางร่วม
รวมแฮ
ย่านนี้ยีหนฯ |
(๑๑๒)
๏
บางปลาม้าป่าอ้อ
ไม้ไผ่ใหญ่สลวยลำ
ชาวบ้านย่านนั้นทำ
ปลูกผักฟักแฟงเลื้อย |
กอรกำ
สล่างเฟื้อย
ที่ไร่
ไว้แฮ
ลูกห้อยย้อยไสวฯ |
(๑๑๓)
๏
ถึงคุ้งโพกระก้ม
โพอยู่บูรานนาน
ชื่นชุ่มพุ่มพิศดาร
ขออย่าให้ไภยแผ้ว |
กราบกราน
เนิ่นแล้ว
เดชะ
พระเอย
ผ่องพ้นกลโกงฯ |
(๑๑๔)
๏
โคกครามนามที่บ้าน
เขียวชุ่มฉอุ่มงาม
เหมือนสีที่นุชทราม
เห็นแต่ครามนามบ้าน |
หิว่านคราม
กิ่งก้าน
สวาดิฮุ่ม
พุ่มเอย
ไสบเจ้าเศร้าสูนฯ |
(๑๑๕)
๏
สวนหงส์วงวัดพร้อม
รื่นรอบขอบบริเวณ
เคกเยาเล่ากนเกน
ใช่ที่มีสวนสอ้าน |
พระเณร
หว่างบ้าน
ก้องที่
กฎีแฮ
ชื่ออ้างปางหลังฯ |
(๑๑๖)
๏
ตลาดแก้วแถวถิ่นตเข้
ตลิ่งตลาดแต่ล้วนหนาม
แก้วอื่นหมื่นแสนทราม
รักแต่แก้วแววฟ้า |
ตนขาม
สนับหญ้า
สู้สละ
ปละเอย
จะเฝ้าเคล้าสนอมฯ |
(๑๑๗)
๏
ถึงวังตาเพชอ้าง
ไผ่พุ่มซุ้มเซิงรัง
ตาเพชเหตุใดวัง
ฤาว่าตาเพชเชื้อ |
ปางหลัง
รกเรื้อ
มีเล่า
เจ้าเอย
ชาติท้าวเจ้าเมืองฯ |
(๑๑๘)
๏
สวนขิงตลิ่งแต่ล้วน
พริกเทศเม็ดอร่ามเหลือ
กล้วยปลูกสุกห่ามเครือ
คิดคู่อยู่สวนได้ |
สวนมเขือ
เรื่อไหร้
ครบซ่ม
มยมเอย
แต่งต้มซ่มตำฯ |
(๑๑๙)
๏
บ้านยอดยอดไม้สะพรั่ง
ยอดยื่นชื่อช่อผกา
ยอดอื่นหมื่นแสนดา
ยอดรักจักหาบ้าง |
ฝั่งชลา
กิ่งคว้าง
ดาษทอด
ยอดแฮ
บ่ได้ใจหายฯ |
(๑๒๐)
๏
ลุดลชนบทบ้าน
โรงเจ๊กตั้งริมตีน
นั่งนับทรัพย์สิ่งสิน
เมียช่างสางสลวยล้ำ |
ขนมจีน
ท่าน้ำ
สยายเพ่า
เล่าแฮ
สลับผู้หูหนางฯ |
(๑๒๑)
๏
โพคอยโพขึ้นอยู่
ปากช่องคลองชลาเฉลียง
บ้านตั้งฝั่งน้ำเรียง
แลรอบขอบแหลมคุ้ง |
คู่เคียง
ลัดถุ้ง
รายอยู่
หมู่แฮ
เขตบ้านตาลรายฯ |
(๑๒๒)
๏
ถึงหน้าท่าน้ำวัด
ฦาเลื่องเบื้องบูราน
หวานอื่นคลื่นไส้นาน
หวานแต่น้ำคำน้อง |
มนาวหวาน
ร่ำพร้อง
นักเบื่อ
เหลือแม่
เสนาะน้ำคำหวานฯ |
(๑๒๓)
๏
ทับขี้เหล็กเด็กว่าต้ม
ครั้นแต่งแกงต้มเกลือ
พริกขิงสิ่งใส่เจือ
ขมขื่นคลื่นไส้นั้น |
ขมเหลือ
กลบคั้น
จิบอร่อย
น้อยฤา
แต่น้ำคำขมฯ |
(๑๒๔)
๏
วัดฝางอ้างชื่อไว้
ฝางย่อมย้อมแพรยาง
แดงสุกถูกแดดหมาง
อกพี่ที่แค้นขั้ง |
ใช่ฝาง
ยิ่งขรั้ง
หมองคร่ำ
ดำแฮ
ขู่คร้ำน้ำฝางฯ |
(๑๒๕)
๏
ท่าระหัดพัดน้ำท่วม
หันกลับขับคงคา
ใคร่จ้างช่างรหัดหา
อกพี่ที่ร้อนให้ |
ท้องนา
คึ่นได้
ห่อนพบ
หลบเอย
รหัดน้ำพร่ำพรมฯ |
(๑๒๖)
๏
ถึงบางนางสุกน้อง
สุขพี่ที่ร่วมเรือน
ยามสุขทุกปีเดือน
ยามทุกสุขกาหล้อน |
นามเหมือน
เพื่อนร้อน
ได้อยู่
คู่เอย
หล่นเหน้าเปล่าดายฯ |
(๑๒๗)
๏
ถึงย่านยายท้าวที่
ฦาข่าวเจ้าสิงทรง
คิดใคร่ไถ่ถามองค์
แม่ม่ายหมายเคียงขู้ |
ผีลง
สอดรู้
อารักษ์
ประจักษ์เอย
คบเผื้อนเชือนไฉนฯ |
(๑๒๘)
๏
ท่าโขลงโขลงช้างค่าม
พลอยถูกผูกกูบโยง
ลืมเถื่อนเพื่อนร่วมโรง
พี่เที่ยวเดียวโดดคล้าย |
ตามโขลง
แย่ท้าย
รักยศ
หมดแฮ
คชร้างห่างโขลงฯ |
(๑๒๙)
๏
บ้านตั้งฝั่งน้ำที่
ลาวอยู่รู้เสียงสนอง
ปลูกผักหักฟืนตอง
หูเจาะเหมาะแต่หน้า |
กฎีทอง
เหน่อช้า
ตามเถื่อน
เพื่อนแฮ
แน่งน้อยกลอยใจฯ |
(๑๓๐)
๏
โคกม่อก่ออิฐตั้ง
เผาม่อก่อไฟเริง
ม่อมีที่พะเพิง
อกพี่ที่ร้อนเถ้า |
เตาเพลิง
เร่งเร้า
เพื่อนเหล่า
เผาแฮ
ถ่านกลุ้มรุมแรงฯ |
(๑๓๑)
๏
ถึงรยะสระโปยชหญ้าน
ผ้านุ่งถุงทบยาว
กลีบกลับวับแวมวาว
เด็กว่าฟ้าแลบชม้าย |
บ้านลาว
ย่างย้าย
แวบแวบ
แทบแฮ
มุ่งค้อนงอนงามฯ |
(๑๓๒)
๏
ถึงท้ายชายน้ำตก
ที่ลุ่มขุมรางรอง
หน้าแล้งแฮ่งนาหนอง
ชลเนตรเชษฐาผร้ำ |
รกคลอง
รับน้ำ
น้ำตก
ซกแฮ
เช่นน้ำตกบางฯ |
(๑๓๓)
๏
ควันเย็นเห็นหาดหน้า
เมืองสุพรรณบุรี
ศาลตั้งฝั่งนที
โรงเล่าเขาต้มค้าง |
ท่ามี
รกร้าง
ที่หาด
ลาดแฮ
ขอบคุ้งหุงสุราฯ |
(๑๓๔)
๏
ผู้รั้งตั้งรั้วรอบ
เป็นหมู่ดูงัวควาย
สาวสาวเหล่านุ่งลาย
จ้ำม่ำลำสันสอ้าน |
ขอบราย
ไขว่บ้าน
แล้วหม่อม
มอมเอย
อาบน้ำปล้ำปลาฯ |
(๑๓๕)
๏
กรมการบ้านตั้งตลอด
ต่างต่อล้อเลื่อนเกียร
เรือริมหาดดาษเดียร
ของเหล่าเชาสวนใต้ |
ตลิ่งเตียน
เก็บไว้
รดะปัก
หลักแฮ
แต่งตั้งนั่งขายฯ |
(๑๓๖)
๏
ฝั่งซ้ายฝ่ายฟากโพ้น
มีวัดพระรูปบูราณ
ที่ถัดวัดประตูสาร
หย่อมย่านบ้านขุนช้าง |
พิศดาร
ท่านสร้าง
สงฆ์สู่
อยู่เอย
ชิดข้างสวนบันลังฯ |
(๑๓๗)
๏วัดกระไกรใกล้บ้านที่
ถามเหล่าชาวสุพรรณ
ทองประศรีที่สำคัญ
เดิมสนุกทุกวันนี้ |
ศรีประจัน
เพื่อนชี้
ข้างวัด
แคแฮ
รกเรื้อเสือคนองฯ |
(๑๓๘)
๏
ประทับหน้าท่าสิบเบี้ย
หว่างวัดฝาโถสถาน
มหาโพทโบสถ์วิหาร
พิมพิลาไลยสร้าง |
บูราณ
ถิ่นร้าง
หักทับ
ยับเอย
สืบขู้สูพรรณฯ |
(๑๓๙)
๏
สงสารบ้านวัดร้าง
เสียงแต่นกหกโหย
อกพี่ทีเดียวโดย
เข้าเรื่องเมืองร้างเศร้า |
แรมโรย
ค่ำเช้า
ด้วยแก่
แม่เอย
โศกซ้ำรำจวนฯ |
(๑๔๐)
๏
นอนค้างข้างคุ้งถัด
ครั้นรุ่งมุ่งเดินไพร
ไหว้พระป่าเรไร
ริมรอบขอบเขื่อนล้อม |
วัดกระไกร
พรั่งพร้อม
ร่มรรื่น
ชื่นเอย
สะล่างไม้ไพรพนมฯ |
(๑๔๑)
๏
น้อยน้อยพลอยชื่นชี้
ครึมครึกพฤกษาไสว
ผลิดอกออกผลใบ
รอกกระแตแลแหล้น |
ชมไพร
แว่นแคว้น
รบัดชื่น
รื่นเอย
โลดเต้นเผ่นผยองฯ |
(สระล้วน)
(๑๔๒)
๏
แจ้วแจ้วจักกระจั่นจ้า
หริ่งหริ่งเรื่อยเรไร
แซงแซวส่งเสียงใส
แหนงนิ่งนึกนุชน้อง |
จับใจ
ร่ำร้อง
ทราบโสต
นิ่มเนื้อนวลนางฯ |
(๑๔๓)
๏
พิกุนบุนนากแก้ว
หอมชื่นรื่นลำดวนดง
สาวหยุดพุทธิชาดทรง
หนุ่มหนุ่มรุมเก็บหน้า |
กาหลง
ดอกรย้า
เสาวรส
สดเอย
สนุกโน้มโถมชิงฯ |
(๑๔๔)
๏
เด็กได้ไส้ห่อผ้า
เห็นไก่ไล่ลัดเฉลียง
ล้มลุกสนุกสำเนียง
หน้าผากฝากบวมเบี้ยว |
พับเฉียง
ลดเลี้ยว
สนั่นโห่
โร่เอย
บ่เว้นเผ่นผยองฯ |
(๑๔๕)
๏
นกร้องก้องกิ่งไม้
แลลับกรับเสียงวัง
ค้อนทองป่องเป๋งดัง
กอไผ่ไก่ขันแจ้ว |
ใบบัง
เวกแหว้ว
ดุจเคาะ
ฆ้อนแฮ
แจ่มเจื้อยเฉื่อยเสียงฯ |
(๑๔๖)
๏
ขึ้นโขดโบสถ์เก่าก้ม
พระป่าเรไรยล
ยอกรหย่อนบาทบน
ปลั่งเปล่งเพ่งพิศพริ้ม |
กราบยุคล
อย่างยิ้ม
บงกช
แก้วเอย
พระหนั้งดังองค์ฯ |
(๑๔๗)
๏
เทียนธูปบุพชาติบ้าง
นึกพระเสด็จมา
ลิงเผือกเลือกสมอพวา
ช้างเผือกเลือกผึ้งทั้ง |
บูชา
ยับยั้ง
ถวายไว่
ใกล้แฮ
กิ่งไม้ไหว้ถวายฯ |
(๑๔๘)
๏
ขอเดชะพระพุทธิเจ้า
อตส่าห์มาเช้าเย็น
ปรารถนาว่าจะเป็น
บุญช่วยด้วยให้ได้ |
จงเห็น
ยากไร้
ปเจกพุท
ธะภูมิเอย
ดุจข้าอาวรณ์ฯ |
(๑๔๙)
๏
ยังไปไม่พ้นภพ
ขอปะพระศรีอาร
กราบถึงซึ่งพระนิพาน
ขอสุขทุกข์โศกเศร้า |
สงสาร
อีกเหล้า
ผ่ายภาก
หน้าเอย
สิ่งร้ายหายสูญฯ |
(๑๕๐)
๏
อนึ่งเจ้าเหล่าเล็กล้วน
หมายมั่งดังพิศถาน
ขอให้ใส่นามขนาน
กลั่นชุบอุประถำล้วน |
ลูกหลาน
ถี่ถ้วน
ตาบพัด
สวัดิเอย
ลูกเลี้ยงเที่ยงธรรม์ฯ |
(๑๕๑)
๏
เย็นรอนอ่อนเกศก้ม
จากวัดตัดตรงมา
ค้างคืนตื่นเช้าคลา
ติดแก่งแข็งข้อค้ำ |
กราบลา
แม่น้ำ
คลาดเคลื่อน
เรือเอย
ขัดข้องต้องเข็นฯ |
(๑๕๒)
๏
เลี้ยวหนึ่งถึงบ้านชื่อ
โพใหญ่ไม้บูราณ
สองฝั่งพรั่งพฤกษตาล
ท่าลาดหาดทรายตื้น |
โพคลาน
ร่มชื้น
โตนดพุ่ง
สูงเอย
ตลิ่งล้วนสวนมเขือฯ |
(๑๕๓)
๏
ศีรษะเวียงเสียงแซ่ล้วน
แก่หนุ่มสุ่มปลาฉาว
ผ้าบ่นุ่งพุงขาว
เด็กด่วนชวนเพื่อนค้ำ |
พวนลาว
แช่น้ำ
ขวยจิต
รอิดเอย
ค่ามให้ไกลลาวฯ |
(๑๕๔)
๏
โพหลวงห้วงน้ำฦก
ปะแต่ลาวเปล่าเปลือย
อาบน้ำคล่ำริมเฟือย
เด็กเกลียดเบียดเบือนหน้า |
ไหลเนือย
ปลอดผ้า
ฝูงหนุ่ม
กลุ้มแฮ
นิ่วร้องสยองแสยงฯ |
(๑๕๕)
๏
สำประทิวงิ้วง้าวสล่าง
ถิ่นท่าป่ารำไร
เจ๊กอยู่หมู่มอญไทย
ปลูกผักฟักกล้วยกล้าย |
กร่างไกร
ไร่ฝ้าย
ทำถั่ว
รั้วเอย
เกลื่อนข้างทางจรฯ |
(๑๕๖)
๏
ถึงย่านบ้านรัดช้าง
ข้างถูกผูกรึงรัง
พลัดพรากจากฝูงพัง
เพียงพี่ที่ทุเรศไร้ |
ปางหลัง
รัดไว้
พวกเพื่อน
เถื่อนเอย
นิราศร้างห่างสมรฯ |
(๑๕๗)
๏
บ้านตั้งฝั่งฟากน้ำ
วัดทร่างปางก่อนสูญ
ขอบเขื่อนเกลื่อนอิฐปูน
โบสถ์ยับทับพระเจ้า |
ธรรมกูล
สงัดเศร้า
เปื่อยเปล่า
เจ้าเอย
เจิ่งน้ำกรำฝนฯ |
(๑๕๘)
๏
ยลย่านบ้านหนึ่งนั้น
วัดสว่างอารมอาราม
สว่างแต่ที่พี่ยาม
ห่อนสว่างอย่างไว้ |
แนะนาม
รื่นไม้
มืดมิด
จิตรเอย
ชื่ออ้างสว่างอารมฯ |
(๑๕๙)
๏
โพพระระยะหญ้าน
โพชื่นรื่นร่มใบ
โปรดด้วยช่วยคุ้มไภย
โพพระอนุเคราะห์ข้า |
หญ่อมไพร
โบกรย้า
พยัฆพยศ
คดเอย
พระเจ้าคราวเข็นฯ |
(๑๖๐)
๏
โพพญาท่าตลิ่งล้วน
โพไผ่ไม้เต็งตเคียน
ซิกซากกระบากกระเบียน
เสลาสลอดสลับสล้าง |
ฬ้อเกวียร
ตขบบ้าง
กระเบากระแบก
กระบกแฮ
เหล่าไม้ใกล้กระสินฯ |
(๑๖๑)
๏
บ้านซ่องช่องชวากเวิ้ง
เหล่าที่หนีมุนนาย
ซ่องสุมซุ่มเรือนราย
ใครจับกลับรุมข้า |
เซิงหวาย
เนิ่นช้า
ริมกับ
เกรี่ยงแฮ
ขัดข้องซ่องหลวงฯ |
(๑๖๒)
๏
บางมดแดงแขวงเขตคุ้ง
ถิ่นเถื่อนเรือนรำไร
นึกมดอดสูใจ
เพียงพี่หมีมอดม้วย |
ทุ่งไพร
ไร่กล้วย
จงมม่วง
หวงแฮ
ไม่สริ้นถวิลหวังฯ |
(๑๖๓)
๏
วังยางค่างคุ้งสะล่าง
โตล่งตลิ่งยิ่งยูงสูง
นกแลแต่ลฝูงลฝูง
ร่มรื่นชื่นชายน้ำ |
ยางยูง
ฉโงกง้ำ
ฟุบสพั่ง
รังเอย
นั่งเหล้นเย็นสบายฯ |
(๑๖๔)
๏
ถึงบ้านตาลเสี้ยนร่ำ
ไต่ผโองโหญ่งโย่ทยาน
หน้าหัวเราะเพราะรักหวาน
เพียงพี่นี้แฝงเฝ้า |
ทำตาล
ย่างเก้า
หวังใคร่
ได้ฤา
ใฝ่น้ำคำหวานฯ |
(๑๖๕)
๏
ว่างบ้านย่านน้ำเปลี่ยว
ตลิ่งสูงฝูงรอกแต
กรวยกร่างค่างเคียมแค
ลมป่วนหวนหอมให้ |
เหลียวแล
ไต่ไม้
ข่อยกทุ่ม
กุ่มเอย
ลเหี่ยลห้อยหงอยเหงาฯ |
(๑๖๖)
๏
จวบจนชนบทบ้าน
ท่าลาดหาดเกิดกัน
เรือนตั้งฝั่งเรียงรัน
คนภู่ดูครึกครื้น |
ศรีจัน
แก่งตื้น
โรงเหล็ก
เจ๊กเอย
ค่ามช้างต่างเกวียนฯ |
(๑๖๗)
๏
จวนเย็นเห็นแห่งบ้าน
หาดใหญ่ไทยเจ๊กมอญ
จอดเรือเมื่อเย็นรอน
ร้องว่าอาศัยร้าน |
ด่านขนอน
มี่บ้าน
ริมหาด
สอาดเอย
ร่มไม้ใกล้เรือฯ |
(๑๖๘)
๏
เจ้าของร้องรับให้
หนุ่มหนุ่มชุ่มชื่นบาน
ขึ้นฝั่งนั่งสำราญ
สาวรุ่นวุ่นเวียนเฝ้า |
ได้การ
บ่เศร้า
ร้านใต้
ไทรเอย
ฝั่งน้ำชำเลืองฯ |
(๑๖๙)
๏
ลูกเอยเฉยเช่นปั้น
สาวเพ่งเล็งหลบสาว
ปะเป็นเช่นพ่อคราว
ตายราบลาภไม่แคล้ว |
ปูนขาว
สิ้นแล้ว
ครั้งหนุ่ม
ชุ่มฤา
คลาดช้านาทีฯ |
(๑๗๐)
๏
ลูกลาวสาวรุ่นน้อง
เรือพี่มีสิ่งขาย
ลูกเราเหล่าหนุ่มอาย
สอนกระสาบตาบให้ |
ทักทาย
ค่อยไหว้
แอบเด็ก
เล็กแฮ
ว่าซื้อหรือจำฯ |
(๑๗๑)
๏
หนูพัดพลัดพลอดล้อ
มีหมากอยากสู่สาว
ป่านเจ้าเค่าเหนียวขาว
ตาบฮ่ามถามหาแห้ว |
เลียนสาว
ซิ่นแล้ว
ขายมั่ง
กระมังแม่
แห่งนี้มีฤาฯ |
(๑๗๒)
๏
ลาวไปไทยพี่น้อง
มืดค่ำทำร่ายเรียง
กลั่นชุบอุบอิบเอียง
ขอหมากปากสั่นสท้าน |
มองเมียง
เราะร้าน
กแอมแอบ
แยบเอย
ทดท้อย่อหญิงฯ |
(๑๗๓)
๏
ราตรีพี่น้องอ่อน
ขันใหญ่ใส่หมากพลู
แห้วเลือกเผือกถั่วภู
จสั่งมั่งไม่ได้ |
เอนดู
นาบให้
พัดรับ กลับแฮ
เดือดหน้าด่าตีฯ |
(๑๗๔)
๏
ดึกลาวสาวรุ่นกล้า
ให้กระเช้าเข้าเหนียว
ถอยหลีกอีกบ่อเหลียว
กลั่นรับกลับจุดไต้ |
มาเดียว
นั่งใกล้
เลยลูก กูเอย
ตอบโต้โมทนาฯ |
(๑๗๕)
๏
บูราณท่านว่าเลี้ยง
มันมักหักรั้วฉาว
หนุ่มชายฝ่ายรุ่นราว
ลูกโง่โซแสบท้อง |
ลูกสาว
เช่นพร้อง
รักขะยั่น
พรั่นแฮ
บ่อรู้สู่สาวฯ |
(๑๗๖)
๏
ครั้นช้าวสาวสบหน้า
จากขนอนอ่อนหนาว
คราวได้ไม่โลมลาว
ครั้นลับกลับรฤกเหล้า |
ลาสาว
หนุ่มเศร้า
ลองซู่ ดูแฮ
ลูกโหง้โซสาวฯ |
(๑๗๗)
๏
เอนดูหนูพี่น้อง
คิดใคร่ได้เลี้ยงลาว
แต่ลูกผูกรักชาว
จเจ็บเล็บเขาไว้ |
สองสาว
ลูกสไภ้
วังเล่า
เจ้าเอย
ข่วนร้ายคล้ายเสือฯ |
(๑๗๘)
๏
บางกระพุ้งคุ้งน้ำเปลี่ยว
บนบกนกซอแซ
เห็นนกกกคู่แด
เหมือนอยู่คู่เคียงน้อง |
เหลียวแล
แซ่ซ้อง
ดานลฦก
นึกเอย
แนบเนื้อเหลือสนอมฯ |
(๑๗๙)
๏
บ้านใหม่ไร่ฝ่ายสพรั่ง
ฟ่ายออกดอกขาวดา
เนื้อนุชสุดโสภา
ชมฟ่ายคล้ายผิวสร้อย |
ฝั่งชลา
เด่นช้อย
เพียงฟ่าย
ไร่เอย
สวาดิเนื้อเหลือนวลฯ |
(๑๘๐)
๏
ถึงย่านบ้านกร่างเวิ้ง
เกิดแก่งแหล่งเหวหิน
ปล่องน้ำท่ำกุมภิน
ยามเปลี่ยวเสียวทรวงสดุ้ง |
วาริน
ฮ่วงคุ้ง
พวกเงือก
เลือกแฮ
ด่วนพ้นวลวังฯ |
(๑๘๑)
๏
บ้านไร่ไทเจ๊กตั้ง
กล้วยไข่ไร่เรียงราย
ตกเครือเรื่อเรืองปลาย
เฟื้องหนึ่งถึงสี่มื้อ |
ทั้งทวาย
เรียกซื้อ
ปลีสลับ
ปกับแฮ
หมดรื้อซื้อเสมอฯ |
(๑๘๒)
๏
วังปรานบ้านเว้นว่าง
สองฝั่งวังเสือเกรง
นายรอดทอดท้ายเพลง
ป่าใหญ่ไม้ชื่นช้อย |
วางเวง
เกรียบฉม้อย
พลอยหนุ่ม
ชุ่มเอย
ชุ่มฉ้อออรชรฯ |
(๑๘๓)
๏
บางม่วงห้วงหาดตื้น
ทรายเกลี่ยเรี่ยรอยเสือ
ซึ้งซึกพฤกษครุมเครือ
โปรยแต่ใบไม้หว้อน |
ติดเรือ
ซับซ้อน
ค่างโครก
โฮกแฮ
วิ่งร้องพองขนฯ |
(๑๘๔)
๏
ลูกค่างอย่างย้อมชาติ
เหลืองอ่อนโอ้เอนดู
แม่อุ้มชุ่มชื่นชู
กอดแอบแนบอกห้อย |
ชมภู
เด็กน้อย
ชมลูบ จูบเอย
หกโน้มโถมทยานฯ |
(๑๘๕)
๏
ย่านซื่อชื่อว่าบ้าน
เหนแต่ชุมนุมลาว
ลากอวนส่วนหนุ่มสาว
เท่าแก่แลโล้งโต้ง |
ย่านยาว
ล่อนโล้ง
เสียงแซ่
แม่เอย
ต่างหล้อนห่อนอายฯ |
(๑๘๖)
๏
อ้างว้างกลางน้ำร่ม
ลิงค่างครางครวนโหย
กระเบาออกดอกร่วงโรย
หึ่งหึ่งพึ่งเพียงฆ้อง |
ลมโชย
โห่ร้อง
รศรื่น
ชื่นเอย
ย่ำเถี้ยงเสียงกระหึมฯ |
(๑๘๗)
๏
ยนย่านศารปู่เจ้า
ปลาคล่ำน้ำซึ้งใส
งูเหลือมเลื่อมเลือกไคล
โตเท่าเสาเรือนกว้าน |
จอมไพร
สอาดสอ้าน
คลานกลิ่ง
ตลิ่งแฮ
กวาดน้ำดำปลาฯ |
(๑๘๘)
๏
ติดตื้นขืนถ่อค้ำ
บนบกรกรังเสือ
นำงูฟู่เลื้อยเหลือ
ศักครู่ดูควันกลุ้ม |
เขนเรือ
ซอกซุ้ม
หลีกยาก
หลากแฮ
กลบข้างทางจรฯ |
(๑๘๙)
๏
เดกเหนเช่นมนุษหนั้ง
แวววับคลับคลายฟู
รู้ชัดจัดหมากพลู
งูกระเพื่อมเลื่อมเลื้อย |
หลังงู
ฟ่องเฟื้อย
พลีปู่
เจ้าเอย
หลีกคล้ายหายสูรฯ |
(๑๙๐)
๏
เรือคล่องล่องเลี้ยวเลื่อน
ถึงย่านบ้านกลวยเวลา
กล้วยไข่ไร่รื่นรดา
หล่างแห่งแปลงปลูกอ้อย |
เคลื่อนคลา
บ่ายคล้อย
ดกเรื่อ
เครือเอย
แอบกล้วยสลวยลำฯ |
(๑๙๑)
๏
ถึงช่องคลองน้ำซับ
เกิดแร่แง่งอกครื
ผู้เท่าเล่าเลื่องฦา
ครึคระระเรือต้อง |
ซ้ายมือ
ครืดท้อง
เหล็กที่
ดีเอย
ติดตื้นขืนเขนฯ |
(๑๙๒)
๏
บ้านว่าขวาซ้ายค่าง
หินแร่แลสลับสลอน
เรือนตั้งฝั่งสาคร
ปลาคล่ำน้ำไหลอึ้ง |
ทางจร
ฦกซึ้ง
คนเงียบ
เสียบเอย
แอบคุ้งมุ่งทางฯ |
(๑๙๓)
๏
วังหินถิ่นเถื่อนกว้าง
สมอแสมสารสูง
หว่างไผ่ไก่เถื่อนฝูง
เด็กใคร่ได้ไก่อุ้ม |
ยางยูง
สดฉุ้ม
ฟุบเขี่ย
เรี่ยเอย
แอบขึ้นครึนรายฯ |
(๑๙๔)
๏
ไก่เถื่อนเหมือนจฬ้อ
เด็กย่องด่องดีดมือ
เข้าใกล้ไก่เปรียวปรื๋
เด็กโดดโลดไล่คว้า |
ก้อกพือ
มุ่งหน้า
ปร๋อร่อน
ว่อนแฮ
ไคว่ขว้ำขะมำมอมฯ |
(๑๙๕)
๏
ลงเรือเหื่ออาบหน้า
อย่าไล่ไก่เลยเชย
ดอกดวงร่วงรื่นรเหย
เก็บศักห่อพ่อได้ |
หนูเอย
ช่อไม้
หอมกลิ่น
รรินแฮ
เด็จร้อยสร้อยสนฯ |
(๑๙๖)
๏
ย่านยาวลาวตั้งกลาด
แล่ผ่าปลาฉแวงสวาย
ย่างไฟใส่ซ่าราย
พวกหนุ่มสุ่มเรือร้อง |
หาดทราย
แหวะท้อง
เรียงนั่ง
สพรั่งเอย
เจียรน้อฬ้อลาวฯ |
(๑๙๗)
๏
ถึงวนก้นหวดห้วง
แร่เกลื่อนเหมือนซิงแขง
ตำราว่าทองแดง
พรายพร่างอย่างศรีรุ้ง |
หินแลง
ค่างคุ้ง
เดกต่อย
ย่อยแฮ
รอดชี้ที่แถลงฯ |
(๑๙๘)
๏
ตวันเยนเหนพยัฆด้อม
โห่ขับกลับโฮกคน
ขึ้นตลิ่งวิ่งคำรน
ทังขู่ภู่เมียโขร้ง |
ดื่มชล
เคี่ยวโง้ง
เราะไล่
ใกล้แฮ
คร่างร้องก้องกระหึมฯ |
(๑๙๙)
๏
นายรอดสอดรู้เท่า
มักกัดสัตกินเหลือ
มันหวงล่วงไล่เรือ
หนูหนุ่มกุมมีดไม้ |
เหล่าเสือ
ละไว้
รอดแนะ
แวะแฮ
มุ่งแย้งแทงเสือฯ |
(๒๐๐)
๏
โห่ร้องซ้องแส้ป่า
เสือวิ่งยิ่งทเยอทยาน
ตามทางห่างฝั่งประมาณ
ได้แต่เนื้อเหลือทั้ง |
กล้าหาน
หยักรั้ง
สองเซ่น เหนแฮ
ท่อนท้ายชายโครงฯ |
(๒๐๑)
๏
รอดรัดมัดเชือกกลุ้ม
ถึงที่เรือเสือตาม
จากท่าป่าเปลี่ยวขาม
ถ่อถี่หนีเสือพ้น |
หนุ่มหาม
ติดก้น
ขยาดพยัฆ
นักพ่อ
พี่ให้ใจหายฯ |
(๒๐๒)
๏
บูรานท่านว่าล้วง
เหล่าลูกถูกตำราเหลือ
เช่นพ่อก็กลืนเกลือ
ชิงเหยื่อเสือต่อหน้า |
คอเสือ
เหล็กกล้า
กลั้วเค่า
เจ้าเอย
นึกคร้ามขามแขยงฯ |
(๒๐๓)
๏
วังฉลามยามสูริยเยื้อง
เสียงสุนัขไนหอน
ลิงค่างต่างโหวยวอน
เผาะเผาะเราะรกเรื้อ |
เย็นรอน
เห่าเนื้อ
วิเวกวาบ
สาบเอย
เรียดข้างทางจรฯ |
(๒๐๔)
๏
มืดค่ำจำจอดค้าง
หนุ่มหนุ่มสุมฟืนไฟ
เนื้อย่างค่างเครื่องใน
เนื้อสดรสอร่อยล้ำ |
หว่างไพร
ฝั่งน้ำ
หมูแบ่ง
แกงแฮ
กระหลบฟุ้งคุ้งแหลมฯ |
(๒๐๕)
๏
นอนค้างกลางหาดตื้น
นิ่งนั่งฟั่งฟานฝูง
เงาไม้ใหญ่ยางยูง
เผาะเผาะเราะป่าต้อง |
ตลิ่งสูง
มฤคฆร้อง
เยนเยียบ
เงียบเอย
ตวาดซ้ำร่ำไปฯ |
(๒๐๖)
๏
เกือบหลับกรับเกรียบไม้
คุ่มคุ่มดุ่มตามเรือ
ปลุกหนุ่มรุมโห่เสือ
เด็กด่าคว้าฟืนขว้าง |
ไต้เหนือ
รอบข้าง
สวบโขยด
โดดแฮ
ก่อให้ไฟโพลงฯ |
(๒๐๗)
๏
เสือชุมหนุ่มแน่นหนั้ง
ดึกยิ่งวิ่งเวียรไว
จำเปนเซนพระไพร
ตัดตับกับเนื้อพร้อม |
รวังไฟ
แวดล้อม
เพราะเหญื่อ
เสือแฮ
พร่ำตั้งสังเวยฯ |
(๒๐๘)
๏
เยนเยียบเงียบสงัดเงื้อม
อารักศักสิทพึม
ทิ้งทูตพูดงึมงึม
จังหรีดกรีดกริ่งให้ |
เงาครึม
พุ่มไม้
เงี่ยง่วง
ทรวงเอย
ลเหี่ยเศร้าหาวนอนฯ |
(๒๐๙)
๏
ดึกดื่นฝืนเนตรหนั้ง
แม่ม่ายลองไนเรียง
รฦกแต่แม่ม่ายเวียง
เปนม่ายร้ายนักน้อง |
ฟังเสียง
แหร่ร้อง
สวาดิว่าง
ค้างเอย
จต้องลองไนฯ |
(๒๑๐)
๏
หนุ่มหลับคลับคล้ายเลื่อม
เจ้าป่าหน้าปากเปน
ขี่แรดแผดเสียงเยน
ร้องว่าลาแล้วคล้าย |
แลเหน
พยัฆร้าย
ขยอกเหยื่อ
เนื้อเอย
เคลือบเข้าเงาหายฯ |
(๒๑๑)
๏
ยามสามยามสงัดไม้
พร่ำพร่ำน้ำค้างพรม
เยนเยียบเงียบสงัดลม
ไม่นิ่งกิ่งก้านช้อย |
ไพรพนม
พร่างพร้อย
แลตล่ง
ดงเอย
ชื่นฉุ้มพุ่มพกาฯ |
(๒๑๒)
๏
ค่อนรุ่งฝุงไก่แจ้
เอ๊กเอื่อยเฉื่อยสำเนียง
เรไรร่ายร้องเรียง
เพียงรนาดพาดฆ้อง |
แจ้วเสียง
เนื่องซ้อง
รับแซ่
แม่เอย
แข่งเจ้งเพลงจีนฯ |
(๒๑๓)
๏
เกือบรุ่งฟุ้งกลิ่นเกลี้ยง
หึ่งหึ่งพึ่งเวียรวล
มาลีคลี่กลีบบน
ยิ่งรุ่งฟุ้งหอมเร้า |
เพียงสุคน
ว่อนเคล้า
บานกลิ่น
รรินเอย
เร่งให้ใจเจริญฯ |
(๒๑๔)
๏
รื่นรื่นชื่นเช่นน้ำ
หวนจิตคิดเคยสนอม
เจือจรรกลั่นกลิ่นรอม
เคยชื่นรื่นรศต้อง |
อบหอม
แนบน้อง
รวยรรื่น
ชื่นเอย
ตกไร้ไกลสมรฯ |
(๒๑๕)
๏
เรืองรุ่งฝูงนกร้อง
เรียกเร่งรถสูริยง
ล่าป่าท่าน้ำจง
จากฝั่งพรั่งพร้อมหน้า |
ก้องดง
เยี่ยมฟ้า
เจริญศุข
รุกขเอย
หนุ่มน้อยพลอยเพลินฯ |
(๒๑๖)
๏
ล่วงทางบางขวากคุ้ง
เหนแต่แร่รกไคล
ซ้ายขวาป่าสูงไสว
เด็กใคร่ไปปลายน้ำ |
เขดไพร
เคลือบคล้ำ
ว่างย่าน
บ้านเอย
สนุกแท้แควเหนือฯ |
(๒๑๗)
๏
นึกนามสามชุกถ้า
เกรี่ยงไร่ได้ฟ่ายลง
เรือค้าท่านั้นคง
รายจอดทอดท่าน้ำ |
ป่าดง
แลกล้ำ
คอยเกรี่ยง
เรียงเอย
นับฝ้ายขายของฯ |
(๒๑๘)
๏
นางเกรี่ยงเสียงเพราะพร้อง
สาวผูกลูกปัดแดง
คิ้วตาน่านวลแตง
แค่งทู่หูยานย้อย |
กหนองกแหนง
ประดับพร้อย
ตลหม่อม
จอมเอย
อย่างลว้าพาคลายฯ |
(๒๑๙)
๏
สามเพงเลงสะล่างไม้
ป่าใหญ่ใช่เขดคน
ร่มรื่นชื่นชมชล
ปลาว่ายสายสินสอ้าน |
ไพรสน
ขาดบ้าน
ซุ่มแต่
แร่เอย
สอาดตื้นพื้นทรายฯ |
(๒๒๐)
๏
ปลาชนางคว้างแคว้งว่าย
เลื่อมเลื่อมเล่ตุกแก
ไข่ฉะนางอย่างฝักแค
สร้อยซ่ากากดเพลี้ย |
ลายแล
กดิบกเดี้ย
เขียวฉอุ่ม
ชุ่มเอย
พล่านน้ำคล่ำทางฯ |
(๒๒๑)
๏
ไอ้บ้าอ้าปากกว้าง
ซิวสูบสีเสียดแซง
กรีมกรายว่ายเวียรรแวง
ฝักดาบปลาบเปลือยหล้อน |
หางแดง
แซกซ้อน
รวังม่าย
หมายเอย
แฉลบหว้ายสายสินธุ์ฯ |
(๒๒๒)
๏
ปลาตเพียนเวียรว่ายเคล้า
เกล็จเคลือบเหลือบเหลืองเหลือ
ปลาเสือมุ่งเหมือนเสือ
หางไก่ใช่หางช้อย |
คลอเรือ
เลื่อมพร้อย
ส่ายโบก
กโชกแฮ
ชแล่มหว้ายร่ายเรียงฯ |
(๒๒๓)
๏
นานาปลาน้ำถิ่น
ชมเล่นเหนปลาดหลาย
ทางเปลี่ยวเที่ยวถึงปลาย
บนบกนกกระเตนกระต้อย |
หินทราย
เล็กน้อย
น้ำเล่า
เจ้าเอย
ต้องร้องซ้องเสียงฯ |
(๒๒๔)
๏
ถึงรวางว่างบ้านชื่อ
หอนประดู่ปรูพยอม
ดอกกระดึงพึ่งแตนตอม
นกพริกจิกจับห้อย |
ชัดหอม
ยื่นย้อย
ต่อร่อน
ว่อนแฮ
หกหิ้วพลิ้วแพลงฯ |
(๒๒๕)
๏
ถึงแก่งแห่งท้ายย่าน
หินแร่แก่เก่าตรึง
ลงเข็นเล่นน้ำอึง
เยนสบายหายร้อน |
บ้านทึง
กรวดก้อน
อาบชุ่ม
หนุ่มเอย
เรื่อยร้องลองลำฯ |
(๒๒๖)
๏
เอนหลังฟังดอกสร้อย
ร้องรับขับเสภา
ลำนำคร่ำครวนหา
ผอยหลับรับเสียงซ้อม |
สักระวา
เพื่อนพร้อม
หวนเอก
วิเวกเอย
เสนาะน้ำคำครวนฯ |
(๒๒๗)
๏
หยุดเรือเหนือวัดเงื้อม
รื่นร่มรมยศุกโข
วัดมีที่พระอุโบ
เหนพระศรทาหมุ้ง |
เงาโพ
ค่างคุ้ง
สดที่
กุดีแฮ
มั่นสร้างทางบุญฯ |
(๒๒๘)
๏
จัดแจงแต่งตบะเหลื้อม
เทียรทูบท่วยแก้วรอง
ลูกพลับกับกระเทียมดอง
ย่ามร่มสมภารได้ |
ลายทอง
ดอกไม้
ถวายคนะ
พระเอย
รับพร้อมน้อมถวายฯ |
(๒๒๙)
๏
ตวันเยนเหบพระพร้อม
ตีปะเตะตะกร้อตรง
สมภารท่านก็ลง
เข่าค่างต่างอวดโอ้ |
ล้อมวง
คู่โต้
เล่นสนุก ขลุกแฮ
อกให้ใจหายฯ |
(๒๓๐)
๏
อยุดกระกร้อฬ่อไก่ตั้ง
ผ้าพาดบาดเหล็กพนัน
ไก่แพ้แร่ขบฟัน
เจ้าวัดตัดเรือตั้ง |
ตีอัน
เหน็บรั้ง
ฟัดอุบ
ทุบเอย
แต่งเหล้นเยนใจฯ |
(๒๓๑)
๏
เสียเทียรเสียทูบซ้ำ
เสียที่มีกระมลมา
เสียดายฝ่ายศาสนา
เสียน่าตาหูพร้อม |
เสียสัทา
โนศน้อม
สัมนะ
พระเอย
เพราะรู้ดูเหน |
(๒๓๒)
๏
จวนค่ำจำค้างย่าน
ถอยหนีที่วัดอึง
ตรวดน้ำร่ำรำพึง
ให้เหล่าเจ้าป่าถุ้ง |
บ้านทึง
แอบคุ้ง
แผ่ทั่ว
ตัวเอย
เทพสริ้นดินสวรรฯ |
(๒๓๓)
๏
เหมือนรู้ผู่เถ้าท่าน
เมียนากนามผัวทอง
มาหาพ่าขาวของ
ท่านช่วยอวยภรแล้ว |
ทังสอง
ผ่องแผ้ว
คำนับ รับเอย
เล่ารู้บูราณ |
(๒๓๔)
๏
ฝ่ายตาอายุร้อย
ยายสิบแปดปีแกม
ตามองช่องเขมแหลม
ฟันปากหมากเฆี้ยวจ้อย |
ญี่สิบแถม
กับร้อย
ตลอดแน่
แม่เอย
แจ่มอ้วนนวลขาวฯ |
(๒๓๕)
๏
ผู้เถ้าเล่าเรื่องอย้าน
ท้าวอู่ทองมาถึง
แวะขอเชือกหนังขึง
สาปย่านบ้านเขดคุ้ง |
บ้านทึง
ถิ่นถุ้ง
เขาไม่
ให้แฮ
คี่ทึ้งทึงแปลงฯ |
(๒๓๖)
๏
วัดทร่างข้างคุ้งย่าน
ชื่อชัดวัดคี่ทึ้ง
ผู่เถ้าเล่าเรื่องจึง
ท่านนั่งสั่งสอนพร้อง |
บ้านทึง
ถูกต้อง
จะแจ้ง
แสดงเอย
พร่ำไว้ไม้ตรีฯ |
(๒๓๗)
๏
ได้ครูผู่เท่าทั้ง
สมมุติดุจะเทวดา
ทายทักลักขณะรา
จอดน่าท่าผู่เถ้า |
ยายตา
บอกเหล้า
ศรีทั่ว
ตัวเอย
ท่วนห้าราตรีฯ |
(๒๓๘)
๏
ตวันเที่ยงเสียงวิ่งแหร้
เสือตบขบภิขุสอง
ต่อไก่ไล่นกคนอง
เสือฟัดกัดกินด้วย |
แซ่สนอง
รูปม้วย
นามเทศ
เกดแฮ
บาปซ้ำกรรมหนาฯ |
(๒๓๙)
๏
ต่อนกยกพเนียดตั้ง
เสือฉีกซีกโครงทลาย
กินตับกับตโพกหาย
ภิขุทุศีลต้อง |
บังกาย
ทลักท้อง
เหนน่า ขาเอย
โทษนั้นทันตาฯ |
(๒๔๐)
๏
ต่อไก่ไม่สู้ฟาด
ที่อยู่ปู่เจ้าไป
เสือกินซิ่นตับไต
สังเวทเหตุผู่เถ้า |
ขาดใจ
หลับเหล้า
ตีนน่อง
ท้องแฮ
ทักแท้แน่จริงฯ |
(๒๔๑)
๏
สำเรจรู้ผู่เถ้าช่วย
สิบประการประกอบกลอน
ขอสวัดสัฐาวอร
สองเท่าเฝ้าร้องไห้ |
อวยภร
กล่าวไว้
ไว้ว่า
ลาเอย
ลเหี่ยลห้อยหงอยเหงาฯ |
(๒๔๒)
๏
สงสารท่านสอื้นโอ้
พลั่งพลั่งหลั่งน้ำตา
หนูหนุ่มชุ่มชลนา
ร่ำว่าท่าไม่ม้วย |
โศกา
ตกด้วย
นั่งเจ่า
เหงาเอย
ไม่สริ้นถวินหวังฯ |
(๒๔๓)
๏เรือออกนอกท่าบ้าน
ย่อไว่ไห้สอื้นฟาย
เชาบ้านท่านทังหลาย
ไห้มั่งทังใหญ่น้อย |
ท่านยาย
มูกย้อย
แลสลด
หมดเอย
นั่งผร้ำน้ำตาฯ |
(๒๔๔)
๏
แลลับกลับกลั้นโศก
หนุ่มน่อยพลอยรำคาร
ทังหลายฝ่ายบูราณ
เราพรากจากผู่เถ้า |
สงสาร
คิดเศร้า
รักขู่
ชู้เอย
ทุกร้อนห่อนเสบยฯ |
(๒๔๕)
๏
ถึงย่านบ้านกระตั้วเหล่า
โกนจุกลูกสาวทรง
เชิญด้วยช่วยแต่งมง
โกนจุกลูกเชาบ้าน |
เชาดง
สอาดสอ้าน
คนเกริก
ฤกษเอย
อยู่ค้างกลางคืนฯ |
(๒๔๖)
๏
ฟังติปี่พาดฆ้อง
เพลงไทยใส่กลองโยน
เด็กโดดโลดเล่นโขน
ร้องขับรับอ้อแอ้ |
กลองตโภน
ยุ่งแท้
แขนคอก
ออกเอย
อุบเหล้าเมามายฯ |
(๒๔๗)
๏
เสียงซออออ่ออ้อ
จับปี่เตร๋งเต้งเตง
คลุยตรุ๋ยตรุ่ยตรุ้ยเหนง
ฆ้องหน่องหนองน่องหน้อง |
เอื่อยเพลง
เต่งต้อง
เหน่งเน่ง
รนาดแฮ
ผรึ่งพรึ้งพรึ่งตโภนฯ |
(๒๔๘)
๏
สาวสาวเหล่าเลี้ยงเล่น
ซองหมากฝากหนุ่มนำ
โกนจุกลูกเล็กทำ
เนตรซู่หนูหนุ่มน้อย |
เต้นรำ
เนตรชม้อย
ขวันเล่า
เจ้าเอย
นั่งปลื้มลืมนอนฯ |
(๒๔๙)
๏
บ่วงรักดักเด็กต้อง
เปิดปากฝากคำลา
ลงเรือเมื่อจะคลา
แก่เท่าสาวส่งซ้อง |
สองตา
เหล่าน้อง
คลอเนตร
ทเวทเอย
แซ่หน้าอาไลยฯ |
(๒๕๐)
๏
บ่วงผูกลูกรักแล้ว
ดักพ่อท้อที่กาย
ห่อนอยู่ซู่สมรหมาย
แต่เหล่าเจ้าลูกแก้ว |
แร้วราย
แก่แล้ว
มัติโมฆ โอขเอย
ก่อร้อนสอนแสลงฯ |
(๒๕๑)
๏
หมากพลูบูหรี่ส้ม
สาวหนุ่มรุมการุญ
ผูกมิตรคิดขอบคุณ
ทุกโศกโรคอย่าได้ |
ขนมขนุน
รักให้
คนเท่า
สาวเอย
เดือดร้อนนอนสบายฯ |
(๒๕๒)
๏
จากย่านบ้านกระตั้วแต่
ศรรักปักทรวงหนู
รักป่าน่าชื่นชู
ดูถูกลูกปลายน้ำ |
แลดู
เหน็บช้ำ
ชมเล่า
เจ้าเอย
หนุ่มต้องหมองหมางฯ |
(๒๕๓)
๏
น้อยน้อยพลอยว่าน้ำ
สาวแก่แลคมสัน
ดูมากว่าสิบวัน
ไรจุกทุกทุกบ้าน |
ลำสุพรรณ
สะคร้าน
ตลอดแว่น
แคว้นเอย
บ่อเว้นเห็นสาวฯ |
(๒๕๔)
๏
บูราณท่านว่าน้ำ
ป่าต้นคนสุพรรณ
แดนดินถิ่นที่สูพรรณ
ผิวจึ่งเกลี้ยงเสียงแจ้ว |
สำคัน
ผ่องแผ้ว
ธรรมชาด
มาศเอย
แจ่มน้ำคำสนองฯ |
(๒๕๕)
๏
ถึงถิ่นสริ้นบ้านป่า
เรือติดคิดขยาดแสยง
สวบสวบยวบไม้แฝง
สองฝั่งทั้งขวาซ้าย |
โป่งแดง
พยัฆร้าย
ฟุ้งสาบ
วาบแฮ
สัตร้องซ้องเสียงฯ |
(๒๕๖)
๏
คลองกระเสียวเปลี่ยวป่ากว้าง
เคยถิ่นกินโป่งโทง
ขามช้างต่างจัดโจง
เก็บกรวดอวดกันเหล้น |
ทางโขลง
เที่ยวเร้น
กระเบนกระบิด
ตี๊ดแฮ
ตลอดน้ำลำทางฯ |
(๒๕๗)
๏
คุ้งขวางบางแวกตื้น
กรวดกระจ่างพร่างพรายลาย
เหมือนเม็จเพชรัตราย
ฉุนว่าแววแก้วก้อย |
พื้นทราย
เลื่อมพร้อย
แอร่มอร่าม
งามเอย
นพเก้าวาวแหวนฯ |
(๒๕๘)
๏
กระเบาออกดอกรยับย้อย
พึ่งหมู่แมงภู่ตอม
ว่าสุกลูกงามงอน
กระทุ่มกระถินกลิ่นเร้า |
ห้อยหอม
ไต่เคล้า
เงาะป่า
พวาเอย
รื่นข้างทางจรฯ |
(๒๕๙)
๏
รินรินกลิ่นเฟื่องฟุ้ง
ป่านอกดอกสำโรง
เหล่าลูกผูกเรือฉโลง
เหมนเช่นเหมนชื่ออ้าง |
คลุ้งโขลง
ร่วงค้าง
ลากวิ่ง
จริงแฮ
อีกล้ำสำโรงฯ |
(๒๖๐)
๏
ถึงหว่างยางพี่น้อง
เก่าแก่แต่ก่อนปาง
เกิดแร่แง่งอกขวาง
ถูกปวดรวดเร้าล้น |
สองยาง
ป่าต้น
ขวากระ
รกะแฮ
สะล่างแหร้แง่สลอนฯ |
(๒๖๑)
๏
ปลายน้ำลำคุ้งแขบ
ขดค่องต้องติดพเอิญ
จอดสองพี่น้องเพลิน
ชื่นชุ่มพุ่มพฤกษครื้น |
โขดเขิน
แอ่งตื้น
พลองสะล่าง
ยางเอย
คร่อมน้ำลำลหาลฯ |
(๒๖๒)
๏
ปลาดเหลือเรือหนุ่มน้อย
ถึงหว่างต้นยางตาย
ช่วยฉุดสุดชีพทลาย
เมียแม่แซ่มาปล้ำ |
ลอยพาย
ตกน้ำ
ทลักเลือด
เฝือดแฮ
ปลุกร้องซ้องเสียงฯ |
(๒๖๓)
๏
ถามเขาเล่าว่าอ้าย
ตีแม่แร่ลงเรือน
เจ้าสองพี่น้องเหมือน
โพล่งผลักหักคออ้าย |
ฟักเฟือน
ร่านร้าย
มุ่งปราบ
บาปแฮ
ฝักม้วยด้วยกรรมฯ |
(๒๖๔)
๏
ชาวป่าภาศภเศร้า
เราเปลี่ยวเหลียวเหนศาล
อารักศักสิทชาน
โป่งป่าอย่าแผ้วพ้อง |
สู่สถาน
สองพี่น้อง
เชี่ยวช่วย
ด้วยเอย
พวกข้าอาไศรยฯ |
(๒๖๕)
๏
สรวงจ้าวพร้าวอ่อนกล้วย
เชิญพี่น้องสองเสวย
แรกมาอย่าถือเลย
ขอแร่แม่เก็จก้อน |
ด้วยเอย
สว่างร้อน
ลุกระโทษ
โปรดพ่อ
กับเต้าเจ้ายางฯ |
(๒๖๖)
๏
หนูน้อยพลอยร้องบ่วง
เสียงฉ่ำน้ำนมหวาน
เบิกป่าท่าเทวถาน
หนุ่มรับสรัพเสียงซ้อง |
สรวงศาร
แววก้อง
ถูกท่วน
ขบวนเอย
เสนาะซ้อนกลอนในฯ |
(๒๖๗)
๏
เทียรจุดขุดแร่หลั้น
พลุ่งพลุ่งมุ่งดูประเดียว
หนุ่มเหนเช่นลิงเหลียว
ฟุ้งพิศฤทธิแร่ร้าย |
ควันเขียว
ดุ่มคล้าย
เลื่อนกลับ
ลับแฮ
รู้เถ้าเจ้าหวงฯ |
(๒๖๘)
๏
เหมือนครูผู่เท่าแจ้ง
รอขุดจุดเทียรไชย
ดับพิศฤทธิพระไพร
เดี๋ยวหนึ่งอึ่งอู้อู้ |
แหนงใจ
เช่นรู้
พรมสมุท
อยุดแฮ
อ่อนไม้ใหญ่รเนนฯ |
(๒๖๙)
๏
ลมลั่นครั่นครึกฟ้า
ซู่ซู่หนูวิ่งวน
เทียรดับกลับมืดมน
จวนค่ำจำอยุดค้าง |
หนาฝน
ว่าช้าง
เหมนเบื่อ
เสือเอย
คิดแก้แร่โพรงฯ |
(๒๗๐)
๏
ขอนเรือเหนือน้ำนึก
คราวเคราะเพราะพระไพร
ขัดพระจเชิญไฟ
ทุ่งท่าป่าจะต้อง |
น้อยใจ
พี่น้อง
ฟอนซู่
รู้ฤๅ
โตล่งสริ้นถิ่นสถานฯ |
(๒๗๑)
๏
เราถือซื่อสัจสร้าง
แล่งล่าฟ้าดินพญาน
หวังแร่แต่บูราณ
จ้าวคิดปิดของขู้ |
ศีลทาน
ย่อมรู้
ระงับโศก
โลกเอย
มนุษนั้นฉันใดฯ |
(๒๗๒)
๏
ดึกสงัดสัตสงบคลุ้ม
เยนรย่อบริเวณวง
เคลิ้มหลับคลับคล้ายองค์
เหนสพรั่งนั่งไหว้ |
พุ่มพง
หว่างไว้
อารัก ทักแฮ
ว่าฬ้อขอสะมาฯ |
(๒๗๓)
๏
รูปจ้าวสาวหนุ่มล้วน
สองพี่มีเป็นสาม
เรียกสองพี่น้องนาม
สามแน่แต่คำพร้อง |
นวลงาม
ทั่งน้อง
น้องพี่
มีเอย
พี่น้องสองชายฯ |
(๒๗๔)
๏
เล่าความตามเรื่องแหร้
ใช่คิดบิดเบือนบัง
ขัดเคราะเพราะยุกยัง
กายสิทพิศกล้าแกล้ง |
แต่หลัง
บอกแจ้ง
อยู่อย่า
มาเลย
กลบกลุ้มคลุ้มควันฯ |
(๒๗๕)
๏
รู้ศึกนึกเรื่องเจ้า
ทราบหมดจดหมายตาม
โออกตกอับยาม
บุญบวดกรวดกระสินให้ |
เล่าความ
แต่งไว้
ยุกยาก
มากเอย
แห่งเจ้าเล่าความฯ |
(๒๗๖)
๏
เหมือนรู้ผู่เถ้าเล่า
สามอย่างต่างลายแทง
ใคร่เหนเช่นชี้แจง
ค้างย่านศารพี่น้อง |
จ้าวแถลง
ถูกต้อง
เจ้าบอก
ดอกแฮ
พนัศร้ายหายสูรฯ |
(๒๗๗)
๏
รุ่งเช้าเข้าป่ากว้าง
คลองเก่าเท่าลำกระโดง
ซ้ายขวาป่าสมอโมง
กระแบกกระเบาเสลาสล้าง |
ทางโขลง
โป่งช้าง
ไม้อุโลก
โมกเอย
สลับต้นคนทาฯ |
(๒๗๘)
๏
ตามร่องคลองที่เจ้า
เด็ดดอดลอดลัดตาม
เลี้ยวลดปลดปลิดหนาม
เสียงแต่เนื้อเสือร้าย |
เล่าความ
ติดท้าย
หน่อคลอก
ออกแฮ
ร่านร้องก้องกระหึมฯ |
(๒๗๙)
๏
สุดคลองหนองหนึ่งกว้าง
ที่ถิ่นดินดาดแดง
สังเกตเขดขอบแขวง
ขึ้นค่างทางขวาท้อง |
อย่างแถลง
ดุจพร้อง
ความที่
ชี้เอย
ทุ่งช้างวางเวงฯ |
(๒๘๐)
๏
ภบถ่อบ่อแร่น้ำ
เหมือนหมึกปึกปะดิน
ปะแต่แร่ปรอดกิน
เนื้อมั่งยังขยี้หยุ้ย |
ดำนิล
เดกคุ้ย
แก่นเท่า
เจ้าเอย
ยกไว้ไปแสวงฯ |
(๒๘๑)
๏
ตัดทางหว่างต้นโตนด
เนื้อแยกแตกตื่นฝูง
แฝงดูหมู่นกยูง
พรายพร่างอย่างศรีรุ้ง |
โขดสูง
ฝุ่นฟุ้ง
ยอบย่อง
มองเอย
อร่ามเพี้ยนเขียนซนฯ |
(๒๘๒)
๏
รำแพนแอ่นอกฉะแง้
หันร่ายฝ่ายฝูงนาง
ตัวผู่อยู่กลางกาง
ก้อกรีดขีดเขี่ยเท้า |
แผ่หาง
นกเคล้า
กลมปีก
หลีกเอย
ท่าฟ้อนอ่อนเอียงฯ |
(๒๘๓)
๏
ด้อมดูหมู่มยุรย้าย
เยี่ยงย่างนางรบำทำ
เคยดูคู่เคียงรบำ
เหนแต่ฝูงยูงคล้าย |
ร่ายรำ
ท่าฉะม้าย
รเบงกลับ
ลับเอย
นุชฟ้อนงอนงามฯ |
(๒๘๔)
๏
ฝ่ายฝูงยูงบ่อรู้
สังวาดชาติเช่นพรม
ตัวภู่ฟู่ฟองกลม
เกิดไข่ได้พวกพ้อง |
สู่สม
พระพร้อง
เมียชื่น
กลืนแฮ
เพื่อส้องฟองกสินฯ |
(๒๘๕)
๏
หนุ่มหนูพรูไล่พร้อม
ปีกกระพือฮือฝูง
ตานโดดโขดทรายสูง
เหนรอบขอบเขดหน้า |
ล้อมยูง
ฟ่องฟ้า
สมเล่า
เจ้าเอย
สนุกแท้แลเพลินฯ |
(สรล้วน)
(๒๘๖)
๏
เขาเขียวโขดคุ่มขึ้น
ร่มรื่นรุกขรังเรียง
โหมหัดหิ่งหายเหียง
ย่างใหญ่ยอดยื่นย้อย |
เคียงเคียง
เรียบร้อย
หัดหาด
แฮ่วแฮ
โยกโย้โยนเยนฯ |
(๒๘๗)
๏
เลี้ยวทางหว่างช่องไม้
ปะแต่แร่กรัดเรือง
ย่องเหยียบเลียบลำเหมือง
หอมกระถินกลิ่นฟุ้ง |
ไผ่เหลือง
ร่วงรุ้ง
ไม้ชื่น
รรื่นเอย
เฟื่องฟื้นชื่นใจฯ |
(๒๘๘)
๏
สุดเหมืองเยืองขึ้นค่าง
ล้วนแร่แก่เก่าเกิน
พลวงเหล็กเด็กสดุดเดิน
ชมเล่นเหนเกลื่อนกลิ้ง |
หว่างเนิน
เก็บทิ้ง
กระโดดค่าม
ตามแฮ
กลาดสล้างอย่างฝันฯ |
(๒๘๙)
๏
ลงเนินเดินป่ากว้าง
ลมลั่นครั่นครืนเครง
ควายเถื่อนเกลื่อนกลุ้มเกรง
ป่าใหญ่ไม้ร่มชื้น |
วังเวง
ครึกครื้น
เกรียวโห่
โร่แฮ
ช่อช้อยย้อยไสวฯ |
(๒๙๐)
๏
พิศพวงดวงดอกไม้
รยับรย้าน่าชม
ม่วงโมกโศกสุกกรม
ดอกดกนกน้อยน้อย |
ไพรพนม
แช่มช้อย
กรวยกร่าง
สล้างเอย
เหนี่ยวไซ้ไส้เพกาฯ |
(๒๙๑)
๏
ดูเดียวเปลี่ยวอกอ้าง
คิดใคร่ได้คนเคย
คลอเคล้าเฟ่าชื่นเชย
ถามไถ่ได้กระจู้กระจี้ |
ว้างเอย
คู่ชี้
ชมนก
หกแฮ
กระแจะแต้มแก้มหอมฯ |
(ราชสีห์เทียมรถ)
(๒๙๒)
๏
ยนโศกยามเศร้ายิ่ง
คิดสุดขัดแสนเขน
หวนหนาวหากนึกเหน
ดวงจิตเด็จจากได้ |
ทรวงเยน
โศกไข้
หน้าแห่ง
น้องแฮ
จึ่งดิ้นจำโดยฯ |
(๒๙๓)
๏
เสลาสลอดสลับสล้าง
สอึกสอะสอมสไอ
มแฝ่มฟาบมเฟืองมไฟ
ตขบตขาบตเคียนตคร้าน |
สลัดได
สอาดสอ้าน
มแฟบมฝ่อ
พ่อเอย
ตคร้อตไคร้ตเคราตครองฯ |
(๒๙๔)
๏
ถึงธารบ้านเกรี่ยงร้าง
ไร่ฟ่ายหมายมั่นคง
รอนรอนอ่อนอัศดง
ภักผ่อนนอนเรือนห้าง |
กลางดง
คิดค้าง
แดดพยับ
ลับเอย
ก่อให้ไฟโพลงฯ |
(๒๙๕)
๏
เหล่าลูกถูกส้มทับ
หักฮ่างต่างหัดปีน
เหนื่อยนอนอ่อนมือตีน
ดึกดื่นฟื้นฟังแหว้ว |
พลับจีน
คล่องแขล้ว
ต่างรงับ
หลับเอย
วิเวกวิ้วหวีวโหวยฯ |
(สกัดแคร่)
(๒๙๖)
๏
หนาวลมห่มผ้าห่อน
ฟ้าพร่ำน้ำค้างพราว
เด่นเดือนเกลื่อนกลาศดาว
ใจเปล่าเศร้าซบหน้า |
หายหนาว
พร่างฟ้า
ดวงเด่น
นึกน้องหมองใจฯ |
(๒๙๗)
๏
ไร่เกรี่ยงเสียงหลอดโหร้
โหว่งโหว่งโรงรายเรียง
หว่างไม้ไก่ขันเคียง
ยามดึกนึกนุชน้อง |
โหร่เสียง
รับพร้อง
เสียงเอ่ก
อี๋เอ้กเอย
นิ่งเศร้าเปล่าทรวงฯ |
(๒๙๘)
๏
จังหรีดกรีดกริ่งร้อง
แหร่แหร่แม่ม่ายเรียง
จักกจั่นสนั่นสำเนียง
ผี่ผิวหวิ่วโหวกร้อง |
ซ้องเสียง
รับซ้อง
เสนาะเรื่อย
เฉื่อยเอย
รอบข้างวางเวงฯ |
(๒๙๙)
๏
ค่อนคืนดืนดึกแท้
เกรี่ยงไร่กระไรเลย
ด่องด่องย่องเหยาะเงย
ปลุกหนุ่มกุมขวานเงื้อ |
แม่เอย
ล่าเนื้อ
ฉโงกฉะงัก
ทักแฮ
ผงะร้องซ้องเสียงฯ |
(๓๐๐)
๏
ถามไถ่ใช่เหล่าร้าย
พูดเล่นเป็นคนชรา
ถามชี้ที่ว่านยา
ชื่อกวั่งสั่งซ้ำให้ |
กรายมา
รักใขร้
รยะย่าน บ้านเอย
แวะเข้าเย่าเรือนฯ |